เดินไฟบ้าน

ระบบไฟฟ้าภายในบ้าน เป็นสิ่งที่เจ้าของบ้านหลายคนมองข้ามไปในช่วงก่อสร้างหรือรีโนเวท ทั้งที่ในความเป็นจริงงานไฟฟ้า ถือเป็นหนึ่งในโครงสร้างหลักที่ส่งผลต่อ ความปลอดภัย, การใช้งาน, และ การประหยัดพลังงานในระยะยาว หากออกแบบและติดตั้งไม่ดี อาจทำให้เกิดปัญหาไฟฟ้าลัดวงจร ไฟตก เบรกเกอร์ตัดบ่อย หรือแม้แต่เพลิงไหม้ได้

บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ 5 จุดสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เดินไฟบ้าน พร้อมอธิบายรายละเอียดเชิงลึกเกี่ยวกับจุดปลั๊ก, สวิตช์, เบรกเกอร์, ขนาดสายไฟ และเทคนิคที่ช่างมืออาชีพใช้ เพื่อให้คุณสามารถพูดคุยกับช่างไฟได้อย่างมั่นใจและมีข้อมูลเพียงพอในการตัดสินใจ

เดินไฟบ้าน

สารบัญ

1. การกำหนดตำแหน่งปลั๊กไฟ – วางผิด เสียทั้งฟังก์ชันและงบประมาณ

การกำหนดตำแหน่งปลั๊กไฟควรออกแบบอย่างมีระบบและรองรับการใช้งานจริงภายในบ้าน โดยคำนึงถึง จำนวนเครื่องใช้ไฟฟ้า, ความถี่ในการใช้งาน, และ ตำแหน่งเฟอร์นิเจอร์ ตัวอย่างเช่น

ข้อแนะนำ เกี่ยวกับ การเดินไฟบ้าน

  • ห้องนั่งเล่น ควรมีปลั๊กอย่างน้อย 3–4 จุด เช่น ใกล้ทีวี, โซฟา, โต๊ะกลาง
  • ห้องครัว ต้องใช้ปลั๊กหลายจุดสำหรับเตาไฟฟ้า, ไมโครเวฟ, ตู้เย็น, หม้อหุงข้าว ฯลฯ
  • ห้องนอน ควรวางปลั๊กข้างเตียงทั้งสองฝั่ง พร้อมปลั๊กสำรองใกล้โต๊ะเครื่องแป้ง
  • ห้องน้ำ ใช้ปลั๊กกันน้ำ พร้อมติดตั้งสายดิน (Ground) เพื่อความปลอดภัย
  • ที่จอดรถ หรือพื้นที่ซักล้าง ควรมีปลั๊กกันน้ำสำหรับอุปกรณ์ทำความสะอาดหรือเครื่องซักผ้า

ข้อควรระวัง เกี่ยวกับ การเดินไฟบ้าน

  • ไม่ควรใช้ปลั๊กพ่วงตลอดเวลา หากปลั๊กไม่พอ ควรเดินสายเพิ่มให้เหมาะสม
  • ระยะสูงจากพื้นควรอยู่ที่ 30–40 ซม. เพื่อป้องกันน้ำ (โดยเฉพาะในห้องน้ำ)
  • ไม่ควรวางปลั๊กใกล้แหล่งน้ำโดยไม่มีอุปกรณ์ป้องกัน

การวางสวิตช์ไฟ

2. การวางสวิตช์ไฟ – คิดเผื่อการใช้งานทุกคนในบ้าน

สวิตช์ไฟแม้จะเป็นสิ่งเล็ก ๆ แต่ส่งผลต่อ “ประสบการณ์ใช้งานในบ้าน” อย่างมาก หากวางไม่ดีจะทำให้ไม่สะดวก หรือแม้แต่เกิดอันตรายจากการเอื้อมเปิดไฟในความมืด

ข้อแนะนำ เกี่ยวกับ การเดินไฟบ้าน

  • ตำแหน่งมาตรฐานของสวิตช์ไฟควรอยู่ที่ความสูง 90–120 ซม. จากพื้น
  • ทางเข้าบ้านควรมีสวิตช์หลักเพื่อเปิดไฟกลางหรือไฟทางเดิน
  • ควรมีสวิตช์ 2 ทางสำหรับห้องนอน (เปิดไฟได้จากหัวเตียง)
  • สวิตช์ห้องน้ำควรอยู่ “นอกห้องน้ำ” เพื่อความปลอดภัยจากความชื้น
  • หากใช้ไฟซ่อน หรือระบบ Smart Lighting ควรวางสวิตช์ควบคุมในตำแหน่งที่เข้าถึงง่าย

เทคนิคจากช่างมืออาชีพ

ใช้แผนผังเฟอร์นิเจอร์ร่วมในการวางสวิตช์และปลั๊ก เพื่อไม่ให้ถูกบังโดยตู้ โต๊ะ หรือโซฟา

การเลือกเบรกเกอร์

3. การเลือกเบรกเกอร์ – ด่านแรกของความปลอดภัย

เบรกเกอร์ (Circuit Breaker) คือ อุปกรณ์ตัดไฟอัตโนมัติเมื่อเกิดไฟฟ้าลัดวงจรหรือโหลดเกิน หากเลือกเบรกเกอร์ผิดประเภทหรือขนาด อาจเสี่ยงต่อไฟไหม้ หรืออุปกรณ์เสียหาย

ประเภทของเบรกเกอร์ที่ควรรู้

  • Main Breaker (เมนเบรกเกอร์): เบรกเกอร์หลักที่ควบคุมไฟทั้งบ้าน ควรเลือกขนาดให้เหมาะกับโหลดรวมของบ้าน เช่น 50–100 แอมป์
  • Miniature Circuit Breaker (MCB): เบรกเกอร์ย่อยในตู้ DB (Distribution Board) ใช้แยกควบคุมแต่ละโซน
  • RCD หรือ RCCB (ตัดไฟรั่ว): ป้องกันไฟดูด ควรติดตั้งร่วมกับ MCB ในห้องน้ำ หรือพื้นที่เปียก

ข้อแนะนำเพิ่มเติม

  • ไม่ควรใช้เบรกเกอร์ตัวเดียวควบคุมทั้งบ้าน เพราะจะตัดทั้งระบบหากเกิดปัญหาเล็กน้อย
  • แยกวงจรเบรกเกอร์ เช่น ไฟแสงสว่าง, ปลั๊กห้องครัว, ปลั๊กแอร์, ปั๊มน้ำ เพื่อควบคุมง่าย
  • ตู้ DB ควรอยู่ในที่เข้าถึงง่าย และมีช่องสำรองสำหรับวงจรใหม่ในอนาคต

การเลือกขนาดสายไฟ

4. การเลือกขนาดสายไฟ – ป้องกันไฟไหม้และอุปกรณ์พัง

ขนาดของสายไฟมีผลต่อการส่งพลังงานและความปลอดภัย หากใช้สายไฟเล็กเกินไป จะทำให้สายร้อนเกินหรือหลอมละลาย เสี่ยงต่อการลัดวงจรและไฟไหม้

แนวทางเลือกขนาดสายไฟ (โดยประมาณ)

การใช้งาน ขนาดสายไฟที่แนะนำ (ตารางมิลลิเมตร)
ไฟแสงสว่างทั่วไป 1.5 Sq.mm
ปลั๊กทั่วไปในห้องพัก 2.5 Sq.mm
เครื่องทำน้ำอุ่น 4.0–6.0 Sq.mm
แอร์ 9,000–12,000 BTU 2.5–4.0 Sq.mm
เตาไฟฟ้า, ไมโครเวฟ 4.0–6.0 Sq.mm
ตู้เมนเบรกเกอร์ (สายเมนบ้าน) 10.0–16.0 Sq.mm

ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติม

  • ระยะทางสายไฟ หากยาวเกิน 20 เมตร อาจต้องเพิ่มขนาดสายให้รองรับแรงดันตกคร่อม
  • เลือกสายไฟชนิดทนความร้อน เช่น THW, NYY, VAF ตามตำแหน่งใช้งาน

ระบบสายดิน

5. ระบบสายดิน (Grounding) และอุปกรณ์ป้องกันไฟรั่ว – เรื่องใหญ่ที่มักถูกละเลย

ระบบสายดิน (Grounding) คือการต่อระบบไฟให้มีทางระบายกระแสไฟส่วนเกินลงดินในกรณีที่เกิดไฟรั่ว โดยจะทำงานร่วมกับอุปกรณ์ RCD หรือ ELCB เพื่อป้องกันไฟดูดผู้ใช้งาน

ข้อควรปฏิบัติ:

  • เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีโครงโลหะ เช่น ตู้เย็น, เครื่องทำน้ำอุ่น, เครื่องซักผ้า ต้องต่อสายดิน
  • ช่างไฟควรฝัง แท่งกราวด์ (Ground Rod) ในดินลึกประมาณ 2.4 เมตร เชื่อมต่อกับสายดินของระบบ
  • ติดตั้ง RCD ในตู้เบรกเกอร์หรือในจุดใช้งานสำคัญ เช่น ห้องน้ำ

ประโยชน์ของการติดตั้ง Ground + RCD:

  • ป้องกันอันตรายจากไฟดูด
  • ป้องกันอุปกรณ์ไฟฟ้าชำรุดจากไฟฟ้ารั่ว
  • สร้างความมั่นใจให้ผู้ใช้งานในบ้าน 

สรุป เดินไฟบ้าน อย่างชาญฉลาด ต้องมองลึกถึงอนาคตและความปลอดภัย

การเดิน ระบบไฟฟ้า ในบ้านไม่ใช่เพียงแค่ “ลากสายให้ไฟเข้า” แต่ต้องอาศัยการวางแผน การออกแบบ และการเลือกใช้วัสดุให้เหมาะสม เพื่อให้บ้านของคุณใช้งานได้ปลอดภัย รองรับเครื่องใช้ไฟฟ้าในอนาคต และไม่ต้องซ่อมแซมภายหลังบ่อย ๆ

สรุป 5 จุดสำคัญที่ต้องรู้ก่อน เดินไฟบ้าน

  1. ตำแหน่งปลั๊กไฟ: ต้องเพียงพอและวางให้เข้ากับการใช้ชีวิตจริง
  2. ตำแหน่งสวิตช์: สะดวก ปลอดภัย และรองรับการใช้งานในทุกช่วงวัย
  3. ระบบเบรกเกอร์: แยกวงจรอย่างชัดเจน พร้อมติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันไฟรั่ว
  4. ขนาดสายไฟ: เหมาะกับโหลดของแต่ละอุปกรณ์ เพื่อป้องกันไฟไหม้
  5. ระบบสายดิน: ลดความเสี่ยงจากไฟดูด ช่วยให้บ้านปลอดภัยตลอดเวลา 

แชร์บทความนี้