22 July 2025
บริการรับสร้างบ้านครบวงจร จากออกแบบถึงส่งมอบ พร้อมแบบบ้านให้เลือกหลากหลาย
วางใจได้ตั้งแต่รากฐานจนเข้าอยู่ พร้อมเปรียบเทียบราคาบ้านแต่ละแบบ
การสร้างบ้านสักหลังในปัจจุบัน ไม่ได้มีแค่การก่ออิฐฉาบปูนแล้วจบ เพราะบ้านคือ “การลงทุนในชีวิต” ที่ต้องการทั้งความงาม ความปลอดภัย และการใช้งานที่ลงตัว การใช้บริการ รับสร้างบ้านครบวงจร จึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์มากที่สุดสำหรับเจ้าของบ้านยุคใหม่
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักขั้นตอนการสร้างบ้าน ตั้งแต่การออกแบบ การขออนุญาต ไปจนถึงส่งมอบ พร้อมแบบบ้านยอดนิยม ที่เลือกได้หลากหลาย ทั้งสไตล์โมเดิร์น นอร์ดิก หรือบ้านชั้นเดียว พร้อมเปรียบเทียบ งบประมาณเบื้องต้น และแนะนำ การเลือก บริษัทรับสร้างบ้าน ที่น่าเชื่อถือ รวมถึงบริการเสริมอย่างระบบไฟฟ้า โซลาร์ และเฟอร์นิเจอร์บิลต์อิน

-
บริการ รับสร้างบ้าน ครบวงจร คืออะไร?
คือบริการที่ดูแลให้ทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ โดยเจ้าของบ้านไม่ต้องประสานงานหลายฝ่ายเอง บริษัทรับสร้างบ้านจะดูแลเรื่อง:
- การออกแบบสถาปัตยกรรมและโครงสร้าง
- การยื่นขออนุญาตปลูกสร้าง
- การจัดซื้อวัสดุก่อสร้าง
- ควบคุมงานและดำเนินการก่อสร้าง
- ตรวจรับงานก่อนส่งมอบบ้าน
- เสริมบริการติดตั้งระบบ (ไฟฟ้า, น้ำ, โซลาร์, เฟอร์ฯ)

-
ขั้นตอนสร้างบ้านแบบครบวงจร
- ออกแบบบ้าน
-
- เจ้าของบ้านสามารถเลือกแบบบ้านมาตรฐาน หรือจ้างออกแบบใหม่ (Custom Design)
- ต้องมีแบบสถาปัตย์, โครงสร้าง, ไฟฟ้า, ประปา พร้อม BOQ (รายการวัสดุ)
คำแนะนำ: ถ้าต้องการบ้านราคาประหยัด ควรเลือกแบบมาตรฐานที่ปรับรายละเอียดเล็กน้อย
- ยื่นขออนุญาตปลูกสร้าง
-
- บริษัทรับสร้างบ้านจะดำเนินการยื่นเอกสารให้
- ต้องยื่นที่เทศบาล/อบต. พร้อมแบบแปลน, สำเนาโฉนด, รายชื่อวิศวกรผู้ออกแบบ
- ระยะเวลาดำเนินการ 30–60 วัน
- งานก่อสร้าง
-
- เริ่มจากถมดิน, วางฐานราก, โครงสร้างเสา-คาน
- ก่อฉาบ, ติดตั้งหลังคา, เดินระบบไฟฟ้า-ประปา
- เก็บรายละเอียดภายใน เช่น ปูกระเบื้อง, ติดตั้งสุขภัณฑ์
- ตรวจรับบ้านและส่งมอบ
-
- ตรวจเช็กคุณภาพงาน เช่น ผนังร้าว, พื้นเอียง, ระบบไฟ-น้ำ
- ได้รับแบบ As-built และเอกสารรับประกันงาน
- บางบริษัทให้บริการซ่อมฟรีในระยะเวลารับประกัน (เช่น 1–2 ปี)

-
แบบบ้านยอดนิยม ที่คนไทยเลือกสร้าง
บ้านชั้นเดียว
- ขนาด 2–3 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอยประมาณ 100–150 ตร.ม.
- เหมาะกับผู้สูงอายุและครอบครัวเล็ก
- เข้าถึงทุกพื้นที่ สะดวกต่อการดูแล
งบโดยประมาณ: 1.2 – 2.5 ล้านบาท
บ้านสไตล์โมเดิร์น
- เน้นเส้นสายเรียบง่าย หลังคาเพิงหมาแหงน
- หน้าต่างบานใหญ่ รับแสงธรรมชาติ
- พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 120–200 ตร.ม.
งบโดยประมาณ: 1.5 – 3.5 ล้านบาท
บ้านสไตล์นอร์ดิก
- รูปทรงเรขาคณิต หลังคาแหลมสูง
- ใช้โทนสีอบอุ่น–เทา–ขาว พร้อมกระจกสูง
- เหมาะกับคนรุ่นใหม่ที่ชอบความมินิมอล
งบโดยประมาณ: 2 – 4 ล้านบาท
บ้าน 2–3 ชั้น (พร้อมพื้นที่ใช้สอยมาก)
- เหมาะสำหรับครอบครัวใหญ่
- แบ่งสัดส่วนชัดเจน เช่น ห้องนั่งเล่น, ออฟฟิศ, ห้องพักแขก
- ต้องใช้โครงสร้างเสริมแรงและระบบไฟที่ซับซ้อนขึ้น
งบโดยประมาณ: 3.5 – 7 ล้านบาท (ขึ้นอยู่กับพื้นที่ใช้สอย)

-
เปรียบเทียบราคาเบื้องต้นตามประเภทบ้าน
ประเภทบ้าน
พื้นที่ใช้สอย (ตร.ม.) ราคาเริ่มต้น (บาท) บ้านชั้นเดียว 2 ห้องนอน
90–110 1.2 – 1.8 ล้าน
บ้านชั้นเดียว 3 ห้องนอน
120–140 1.6 – 2.3 ล้าน
บ้านโมเดิร์น 2 ชั้น
150–200 2.5 – 4 ล้าน
บ้าน 3 ชั้น (พร้อมออฟฟิศ/ดาดฟ้า) 200–300
4 – 7 ล้าน
ราคาขึ้นอยู่กับวัสดุ, ระบบภายใน และระดับงานตกแต่ง

-
เลือกบริษัทรับสร้างบ้านอย่างไรให้มั่นใจ?
คุณสมบัติของบริษัทรับสร้างบ้านที่ควรเลือก
- มีผลงานจริง (พร้อมรีวิว, ภาพก่อน–หลัง)
- มีสัญญาชัดเจนเรื่องงวดงาน–งวดเงิน
- ให้บริการครบทั้งออกแบบ–ก่อสร้าง–ระบบ
- มีทีมวิศวกรควบคุมงาน
- มีรับประกันผลงาน (1–5 ปี ขึ้นอยู่กับบริษัท)
เอกสารประกอบการตัดสินใจ
- แบบบ้านและรายการวัสดุ (BOQ)
- สัญญาจ้างงาน (ชัดเจนเรื่องงวดเงิน–ระยะเวลา)
- ใบอนุญาตของวิศวกรและสถาปนิก

-
บริการเสริมที่ตอบโจทย์เจ้าของบ้านยุคใหม่
บริษัทรับสร้างบ้านที่ให้บริการครบวงจร มักมีบริการเสริมเหล่านี้
ระบบไฟฟ้า – Smart Home
- เดินสายไฟ 3 เฟสสำหรับบ้านหลังใหญ่
- ติดตั้งสวิตช์ไฟอัจฉริยะ
- ระบบกันขโมย, กล้องวงจรปิด
ระบบโซลาร์เซลล์
- เพื่อลดค่าไฟฟ้าระยะยาว
- มีให้เลือกแบบ on-grid, hybrid
- รับประกัน 10–25 ปี
ระบบปรับอากาศ
- วางท่อแอร์ซ่อนก่อนปิดฝ้า
- วางระบบ VRF สำหรับบ้านหลังใหญ่
- จัดวางตำแหน่งไม่ให้ชนโครงสร้าง
เฟอร์นิเจอร์บิลต์อิน
- วางแบบร่วมกับผังห้องตั้งแต่แรก
- ใช้พื้นที่ได้คุ้มค่า ดูเรียบร้อย
- สไตล์เข้าชุดกับบ้าน เช่น โมเดิร์น/นอร์ดิก
สรุป รับสร้างบ้าน ครบวงจร เหมาะกับใคร?
เหมาะกับผู้ที่… เพราะ… ไม่มีความรู้เรื่องก่อสร้าง บริษัทดูแลทุกขั้นตอนให้ ไม่อยากประสานงานหลายฝ่าย จบในที่เดียวทั้งแบบก่อสร้าง ระบบ อยากเห็นแบบก่อนตัดสินใจ มีแบบบ้านให้เลือกหลากหลาย ต้องการบ้านที่เข้าอยู่ได้ทันที มีบริการระบบครบ + เฟอร์นิเจอร์พร้อมอยู่ สรุปภาพรวม
- บริการรับสร้างบ้าน คือทางเลือกที่สะดวก ครบ และคุ้ม
- สามารถเลือกแบบบ้านหรือออกแบบใหม่ให้เข้ากับงบ
- เลือกบริษัทรับเหมา ที่มีผลงานชัดเจน และสัญญารัดกุม
- มีบริการเสริมครบ ทั้งโซลาร์ แอร์ เฟอร์นิเจอร์
- งบประมาณบ้าน 1–3 ชั้น เริ่มต้นตั้งแต่ 1.2 – 7 ล้านบาท
-
21 July 2025
เริ่มต้นธุรกิจโรงงานขนาดเล็ก ต้องรู้อะไรบ้าง?
วางแผนให้พร้อมผลิต ตั้งแต่ที่ดิน ระบบ ไปจนถึงงบประมาณ
ในยุคที่ผู้ประกอบการรายย่อยสามารถสร้างแบรนด์ของตนเองได้ง่ายกว่าที่เคย ไม่ว่าจะเป็นสินค้ากลุ่มอาหาร เครื่องสำอาง หรือผลิตภัณฑ์สุขภาพ การมี ธุรกิจโรงงานขนาดเล็ก เป็นของตัวเอง จึงกลายเป็นเป้าหมายสำคัญสำหรับเจ้าของแบรนด์ที่ต้องการควบคุมการผลิตด้วยตนเอง
อย่างไรก็ตาม การเริ่มต้น ธุรกิจโรงงานขนาดเล็ก นั้นมีรายละเอียดที่ต้องรู้ตั้งแต่ขั้นตอนกฎหมาย ไปจนถึงการวางแผนระบบผลิต บทความนี้จึงรวบรวมเนื้อหาสำคัญที่เจ้าของธุรกิจควรศึกษา เพื่อให้คุณวางแผนตั้งแต่ศูนย์จนเริ่มผลิตได้จริงอย่างมั่นใจ

-
โรงงานขนาดเล็กคืออะไร?
โรงงานขนาดเล็ก คือ สถานที่ผลิตสินค้าซึ่งมีขนาดการผลิตไม่ใหญ่มาก มักใช้พื้นที่ไม่เกิน 500 ตารางเมตร มีพนักงานจำนวนจำกัด และเน้นผลิตเฉพาะสินค้าที่ไม่ต้องใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่หรือระบบซับซ้อน เช่น
ประเภทธุรกิจโรงงานขนาดเล็กที่นิยม
- โรงงานผลิตอาหาร เช่น น้ำพริก, ขนมอบ, เครื่องดื่ม, ซอส
- โรงงานผลิตเครื่องสำอาง เช่น ครีมบำรุง, สบู่, ลิปบาล์ม
- โรงงานแบบ OEM (รับจ้างผลิต) ในหมวดอาหารเสริม เครื่องใช้ส่วนตัว
- ผลิตภัณฑ์ชุมชนหรือออร์แกนิก เช่น สมุนไพร, ของใช้จากธรรมชาติ
จุดเด่นของโรงงานขนาดเล็ก คือ การลงทุนเริ่มต้นที่ไม่สูงมาก ควบคุมคุณภาพง่าย และสามารถเริ่มจากพื้นที่เล็ก ๆ หรือดัดแปลงบ้านหรือโกดังเก่าได้

-
ขั้นตอนเริ่มต้นธุรกิจโรงงานขนาดเล็ก
ขั้นตอนที่ 1 : เลือกที่ดินหรือสถานที่
- ต้องดูว่าอยู่ในพื้นที่ที่กฎหมายอนุญาตให้ตั้งโรงงานได้หรือไม่ (อิงผังเมือง)
- พิจารณาการเข้าถึงถนน, ไฟฟ้า 3 เฟส, ระบบน้ำประปา
- ควรเผื่อพื้นที่สำหรับจัดเก็บสินค้าและขยายกำลังผลิตในอนาคต
หากเริ่มจากโรงงานเล็กมาก อาจใช้พื้นที่ไม่เกิน 100 ตร.ม. แต่ควรเผื่อเงื่อนไขขยายได้ง่าย
ขั้นตอนที่ 2 : ขอใบอนุญาตประกอบกิจการ รง.4
โรงงานที่มีการใช้เครื่องจักร หรือมีการผลิตสินค้าเพื่อจำหน่าย ต้องขอ ใบอนุญาต รง.4 (โรงงานประเภทที่ 2) จากกรมโรงงานอุตสาหกรรม หรือสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด
เอกสารที่ใช้
- แบบฟอร์มคำขอ รง.4
- สำเนาเอกสารสิทธิ์ที่ดิน
- แบบแปลนอาคาร
- แผนผังไลน์การผลิต
- รายละเอียดเครื่องจักร–วัตถุดิบ
โรงงานผลิตอาหาร/เครื่องสำอาง ยังต้องยื่นขอเลข อย. ควบคู่ด้วย
ขั้นตอนที่ 3 : ออกแบบ Layout ให้ถูกต้องตามมาตรฐาน
การวางแผนผังภายในโรงงาน (Factory Layout) เป็นสิ่งสำคัญมาก โดยเฉพาะถ้าโรงงานของคุณต้องการขอ GMP หรือ HACCP
สิ่งที่ต้องพิจารณา
- แยกโซนสะอาด–ไม่สะอาด (Raw / Processing / Packing)
- มีทางเดินเข้า–ออกสำหรับวัตถุดิบและสินค้าแยกกัน
- พื้นเรียบ ทำความสะอาดง่าย
- มีห้องล้างมือ–ฆ่าเชื้อก่อนเข้าสู่พื้นที่ผลิต
สามารถปรึกษาวิศวกรหรือบริษัทรับเหมาที่เชี่ยวชาญโรงงานอาหารหรือเครื่องสำอางได้ เพื่อออกแบบให้ผ่านมาตรฐานเร็วขึ้น

-
งบประมาณเริ่มต้น : ตัวเลขประมาณการสำหรับโรงงานขนาดเล็ก
รายการ
ประมาณการ (บาท) ค่าก่อสร้างโรงงาน (100-300 ตร.ม.)
500,000 – 2,000,000 ค่าเครื่องจักรพื้นฐาน
200,000 – 1,000,000
ค่าออกแบบ + ขออนุญาต
50,000 – 150,000
ระบบไฟฟ้า 3 เฟส + ระบบน้ำ
100,000 – 300,000
ค่าวัสดุผลิตเริ่มต้น
50,000 – 200,000
งบประมาณรวมขั้นต่ำ ประมาณ 800,000 – 3,500,000 บาท
หมายเหตุ: ถ้าเริ่มจากขนาดเล็กจริง ๆ และใช้เครื่องมือกึ่งอัตโนมัติ งบประมาณอาจต่ำกว่า 1 ล้านบาทได้

-
ระบบภายในโรงงานที่ไม่ควรมองข้าม
ระบบไฟฟ้าอุตสาหกรรม
- ควรเป็นระบบไฟฟ้า 3 เฟส
- มีตู้ MDB และสายดินอย่างปลอดภัย
- สำรองไฟ (ถ้าผลิตต่อเนื่องหรือมีเครื่องแพง)
ระบบสุขาภิบาล–ประปา
- แยกน้ำใช้–น้ำเสีย
- ติดตั้งถังบำบัด–ระบบระบายน้ำ
- จุดล้างมือ พร้อมระบบป้องกันการปนเปื้อน
ระบบระบายอากาศ–ควบคุมอุณหภูมิ
- พัดลมระบายอากาศ, Exhaust, ระบบ Positive Pressure
- ห้องแอร์สำหรับโซนบรรจุ (ในกรณีต้องการ GMP)
ระบบกล้องวงจรปิด / บันทึกการผลิต
- สำคัญหากคุณต้องตรวจสอบย้อนหลัง / ใช้เป็นหลักฐานขอ มอก. หรือ อย.

-
แนะนำการเลือก “บริษัทรับเหมา” สำหรับโรงงานขนาดเล็ก
คุณสมบัติของผู้รับเหมาที่เหมาะกับโรงงานขนาดเล็ก
- มีประสบการณ์งานโรงงานหรือโกดังมาก่อน
- เข้าใจมาตรฐาน GMP / ระบบ M&E
- ให้บริการครบตั้งแต่เขียนแบบ – ขออนุญาต – ก่อสร้าง
- ทีมวิศวกรควบคุมงาน + ช่างระบบในบริษัทเดียวกัน
บริษัทอย่างเช่น Plantoprompt ที่เชี่ยวชาญงานโรงงานขนาดเล็กในภาคเหนือ ก็เป็นตัวอย่างของผู้รับเหมาครบวงจร
-
Checklist เตรียมความพร้อมก่อนสร้างโรงงาน
รายการ
☐ รายการสินค้า / สูตรผลิต ☐ แผนผังพื้นที่โรงงาน ☐ งบประมาณเริ่มต้น ☐ ผู้รับเหมาหรือบริษัทที่ปรึกษา ☐ ขออนุญาต รง.4 / GMP / อย. ☐ วางแผนระบบภายใน (ไฟฟ้า–น้ำ–อากาศ) ☐ อุปกรณ์เครื่องจักรพื้นฐาน ☐ ระบบความปลอดภัย / กล้องวงจรปิด ☐ บุคลากรเบื้องต้น (ฝ่ายผลิต / ควบคุมคุณภาพ) สรุป ธุรกิจโรงงานขนาดเล็ก เริ่มต้นได้จริง หากวางแผนเป็นระบบ
การเริ่มต้น ธุรกิจโรงงานขนาดเล็ก ไม่ได้ยากอย่างที่คิด หากคุณมีการวางแผนอย่างรอบคอบ ตั้งแต่การเลือกทำเล ออกแบบโรงงาน ให้สอดคล้องกับมาตรฐาน ขออนุญาตให้ถูกต้อง และเลือกระบบภายในที่เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์ของคุณ
- เริ่มจาก “เล็กแต่ชัดเจน” ดีกว่าเริ่มจากใหญ่แต่ไม่วางแผน
- ทำ Layout ให้รองรับ GMP และการขยายสายการผลิต
- เลือกผู้รับเหมาที่เข้าใจธุรกิจโรงงานขนาดเล็กโดยเฉพาะ
-
20 July 2025
สร้างตึก 3 ชั้น ราคาเท่าไหร่ในปี 2568?
สรุปงบประมาณจริง พร้อมแบบตัวอย่าง และ Checklist เตรียมงบก่อนลงมือสร้าง
สำหรับผู้ที่วางแผนลงทุนสร้างตึก 3 ชั้น ไม่ว่าจะเพื่ออยู่อาศัย เปิดร้าน ทำโฮมออฟฟิศ หรือปล่อยเช่า สิ่งแรกที่ต้องรู้คือ งบประมาณในการก่อสร้าง ซึ่งในปี 2568 นี้ มีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลต่อราคา ทั้งวัสดุก่อสร้าง ค่าแรง ระบบภายในอาคาร และรูปแบบการใช้งาน
คำถามยอดฮิตที่หลายคนค้นหาใน Google เช่น
“สร้างตึก 3 ชั้น ราคา 2568 เท่าไหร่?”
คำตอบไม่ได้มีเพียงตัวเลขเดียว เพราะราคาขึ้นอยู่กับ “ขนาด”, “สเปควัสดุ”, และ “รูปแบบอาคาร” ที่คุณเลือกใช้
บทความนี้จะพาคุณวิเคราะห์แบบละเอียด
- ราคาต่อ ตร.ม. ในปี 2568
- เปรียบเทียบ สร้างแบบเปล่า vs ตกแต่งพร้อมอยู่
- แบบตัวอย่างอาคาร 3 ชั้นยอดนิยม
- ปัจจัยที่ทำให้ราคาบานปลาย
- แจก Checklist เตรียมงบก่อนสร้างจริง

ราคาก่อสร้างตึก 3 ชั้น ปี 2568 : ค่าเฉลี่ยต่อตารางเมตร
ในปี 2568 ราคาวัสดุก่อสร้างและค่าแรงยังคงผันผวน แต่สามารถประเมิน “ราคากลาง” ได้ดังนี้ (โดยอิงจากมาตรฐานกรมโยธาธิการและข้อมูลผู้รับเหมารายใหญ่)
ประเภทงาน
ราคาประมาณ (บาท/ตร.ม.)
โครงสร้างเปล่า (โครงสร้าง + ก่อฉาบ + หลังคา) 8,500 – 11,000
แบบพร้อมตกแต่งภายใน (วัสดุมาตรฐานทั่วไป) 13,000 – 18,000
แบบพรีเมียม / เชิงพาณิชย์ (วัสดุดี – งานระบบครบ) 18,000 – 25,000
ตัวอย่างคำนวณเบื้องต้น
ตึก 3 ชั้น ขนาด 4×12 เมตร (144 ตร.ม. ต่อชั้น) รวม 432 ตร.ม.
- โครงสร้างเปล่า: 432 x 10,000 = 4,320,000 บาท
- พร้อมตกแต่งมาตรฐาน: 432 x 15,000 = 6,480,000 บาท
เปรียบเทียบ : สร้างตึกเปล่า vs ตกแต่งพร้อมอยู่
รายละเอียด
แบบโครงสร้างเปล่า แบบตกแต่งพร้อมอยู่ โครงสร้างอาคาร
✅ ✅
พื้น / ผนัง / ฝ้า
❌ ✅
ไฟฟ้า–ประปา
เฉพาะท่อร้อยสาย ติดตั้งครบพร้อมใช้งาน
สุขภัณฑ์ / ครัว
❌ ✅
ระบบ CCTV / อินเตอร์เน็ต
❌ เพิ่มได้ตามความต้องการ
งบโดยรวม
ประหยัดที่สุด สูงกว่าแต่พร้อมใช้ทันที
เหมาะกับใคร นักลงทุน–ผู้เช่าเองตกแต่ง เจ้าของใช้เอง / ปล่อยเช่า 
แบบตึก 3 ชั้นยอดนิยมในปี 2568
- อาคารพาณิชย์ 3 ชั้น (ตึกแถว)
- หน้ากว้าง 4-5 เมตร ลึก 12-15 เมตร
- ชั้นล่าง: ร้านค้า / ชั้นบน: ที่พักหรือเก็บของ
- ปล่อยเช่ารายเดือนได้
ข้อดี : ทำเงินได้ทันที, ตอบโจทย์ย่านชุมชน
งบประมาณโดยเฉลี่ย : 4.5 – 7 ล้านบาท
-
โฮมออฟฟิศ (Home Office)
- ออกแบบร่วมสมัย หน้ากว้าง 6 เมตร+
- ชั้น 1 : โถงรับลูกค้า / ชั้น 2–3: ออฟฟิศ – ที่พัก
- เน้นความโปร่ง โล่ง พร้อมตกแต่งระบบสำนักงาน
ข้อดี: เหมาะสำหรับเจ้าของกิจการ
งบประมาณโดยเฉลี่ย: 6 – 9 ล้านบาท
-
ตึกให้เช่าแบบห้องพัก (Apartment Mini)
- แบ่งห้องละ 18–24 ตร.ม. / ชั้นละ 3–4 ห้อง
- ระบบไฟ-น้ำแยกห้อง / มียูนิตเช่าเยอะ
- มีระบบรักษาความปลอดภัย–คีย์การ์ด
ข้อดี : รายได้สม่ำเสมอระยะยาว
งบประมาณโดยเฉลี่ย : 7 – 10 ล้านบาท

ปัจจัยที่ทำให้ “ราคาก่อสร้างตึก 3 ชั้น” บานปลาย
-
การเปลี่ยนแบบกลางคัน
- เปลี่ยนตำแหน่งห้องน้ำ / บันได / วัสดุ
- ส่งผลให้ต้องรื้อถอนบางส่วนหรือปรับโครงสร้าง
-
ระบบไฟฟ้าและระบบพิเศษ
- เช่น ตู้ MDB, ระบบสำรองไฟ, อินเทอร์เน็ต, CCTV
- ยิ่งเป็นตึกเชิงพาณิชย์ ยิ่งต้องมีระบบที่แพงขึ้น
-
งานตกแต่งภายในเกินมาตรฐาน
- พื้นไม้จริง, ผนังลายหิน, ระบบ Smart Home
-
เงื่อนไขพื้นที่ (ดินอ่อน, ถนนแคบ, ต้องเจาะเสาเข็มพิเศษ)
- เสาเข็มเจาะ แพงกว่าเสาเข็มตอก 20–30%
Checklist เตรียมงบประมาณก่อนสร้างตึก 3 ชั้น
รายการ
ประเมินงบ (บาท) หมายเหตุ ค่าก่อสร้างโครงสร้าง
8,500–11,000/ตร.ม. ขึ้นอยู่กับวัสดุและพื้นที่
ค่าระบบไฟฟ้า–ประปา
500–1,000/ตร.ม. รวมถึงตู้ไฟ, ท่อน้ำ ฯลฯ
ค่าตกแต่งภายใน
3,000–7,000/ตร.ม. พื้น, ฝ้า, สุขภัณฑ์, บิวท์อิน
ค่าออกแบบ + ขออนุญาต
50,000–200,000 แล้วแต่ความซับซ้อน
ค่าระบบพิเศษ (CCTV, Smart)
50,000–200,000 แล้วแต่ฟังก์ชัน
ค่าภาษี/ใบอนุญาต
10,000–30,000 ค่าใช้จ่ายกับหน่วยงานรัฐ
สำรองฉุกเฉิน (10%) ขึ้นกับงบหลัก ใช้เผื่องานนอกแบบ
สรุป สร้างตึก 3 ชั้นในปี 2568 ควรวางแผนแบบไหน?
หากคุณกำลังวางแผนจะสร้างตึก 3 ชั้นในปีนี้ สิ่งสำคัญไม่ใช่แค่ดูราคาเท่าไรต่อตารางเมตร แต่ต้อง มองทั้งระบบตั้งแต่แบบ โครงสร้าง ระบบ ไปจนถึงตกแต่ง
- ถ้า “ต้องการประหยัด” – สร้างแบบเปล่า แล้วค่อยทยอยตกแต่ง
- ถ้า “อยากปล่อยเช่าเร็ว” – เลือกแบบพร้อมตกแต่ง มีระบบครบ
- ถ้า “ใช้เพื่อธุรกิจ” – วางแผนระบบไฟฟ้า–อินเทอร์เน็ต ตั้งแต่ต้น
หากคุณอยากทราบงบจริงจาก ผู้รับเหมา สามารถเตรียมข้อมูลดังนี้:
- ขนาดที่ดิน / พื้นที่ใช้สอย
- รูปแบบอาคาร (พาณิชย์, โฮมออฟฟิศ ฯลฯ)
- งบประมาณตั้งต้น
- ความต้องการพิเศษ
19 July 2025
การก่อสร้างอาคาร ไม่ว่าจะเป็นบ้านพัก อาคารพาณิชย์ โกดัง หรือโรงงานอุตสาหกรรม ล้วนต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจ และการวางแผนอย่างเป็นระบบ หากคุณเป็นเจ้าของโครงการ หรือแม้แต่ผู้ที่กำลังจะสร้างบ้านหลังแรก คำว่า “ขั้นตอนการก่อสร้างอาคาร” อาจฟังดูซับซ้อน แต่ความจริงแล้วสามารถเข้าใจได้ง่ายภายใน 7 ขั้นตอนหลัก ที่บทความนี้จะอธิบายให้ชัดเจน
เราได้สรุปเนื้อหาจากประสบการณ์ของ ผู้เชี่ยวชาญด้านการก่อสร้าง เพื่อให้คุณเข้าใจโครงสร้างการทำงาน ตั้งแต่เริ่มจนส่งมอบ พร้อมคำแนะนำในแต่ละขั้นตอน เพื่อให้โครงการของคุณราบรื่น มีประสิทธิภาพ และจบในงบประมาณ

ขั้นตอนที่ 1 : เตรียมตัว – วางแผนโครงการให้ชัดเจน
ก่อนการก่อสร้างใด ๆ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การวางแผน ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดทั้งแบบอาคาร งบประมาณ ระยะเวลา และผลลัพธ์ของงานทั้งหมด
สิ่งที่ควรวางแผน
- วัตถุประสงค์: ต้องการสร้างอาคารเพื่ออะไร? (อยู่อาศัย, พาณิชย์, อุตสาหกรรม)
- ขนาดพื้นที่และที่ดิน: ขนาด, รูปร่าง, ทำเล, ความลาดชัน
- งบประมาณโดยประมาณ: เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อขนาดและวัสดุ
- ความต้องการพิเศษ: เช่น ต้องการพลังงานแสงอาทิตย์, ห้องเย็น, พื้นอีพ็อกซี่ ฯลฯ
คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ : เจ้าของโครงการควรจัดทำ Check List ความต้องการก่อนคุยกับผู้ออกแบบหรือผู้รับเหมา เพื่อให้งานออกแบบตอบโจทย์จริง ไม่ต้องแก้แบบหลายรอบ

ขั้นตอนที่ 2 : ออกแบบสถาปัตยกรรมและโครงสร้าง
เมื่อมีข้อมูลเบื้องต้นแล้ว จะเข้าสู่ขั้นตอนการออกแบบ ซึ่งควรดำเนินการโดย สถาปนิก และ วิศวกรโยธา ที่มีใบประกอบวิชาชีพ
แบบที่ต้องมี
- แบบสถาปัตยกรรม (แปลน, รูปด้าน, รูปตัด, 3D ถ้ามี)
- แบบโครงสร้าง (เสา, คาน, ฐานราก)
- แบบไฟฟ้า, ประปา, สุขาภิบาล
- BOQ (รายการวัสดุและปริมาณงาน)
สิ่งสำคัญ
- ต้องสอดคล้องกับ กฎหมายควบคุมอาคาร (เช่น ระยะร่น, ความสูง)
- รองรับฟังก์ชันใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน
- ง่ายต่อการก่อสร้าง ไม่ซับซ้อนเกินความจำเป็น
คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ : การใช้ภาพ 3D ร่วมกับแบบ 2D ช่วยให้เจ้าของโครงการเห็นภาพชัด ลดปัญหาความเข้าใจคลาดเคลื่อน

ขั้นตอนที่ 3 : ขออนุญาตก่อสร้าง
หลังจากได้แบบที่สมบูรณ์แล้ว จำเป็นต้องขออนุญาตจากหน่วยงานราชการในท้องที่ เช่น เทศบาล หรืออบต. ก่อนเริ่มก่อสร้าง
เอกสารที่ต้องเตรียม
- แบบแปลนพร้อมเซ็นโดยสถาปนิก/วิศวกร
- หนังสือรับรองจากวิศวกร
- สำเนาโฉนดที่ดิน
- แบบฟอร์มคำขอ (ข.1)
- เอกสารเจ้าของโครงการ
ระยะเวลาดำเนินการ : 30–60 วัน ขึ้นอยู่กับเขตพื้นที่และความครบถ้วนของเอกสาร
คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ : ควรตรวจสอบว่าแบบที่ยื่นได้รับการออกแบบตามข้อกำหนดผังเมืองและอาคารในเขตพื้นที่นั้นหรือไม่ เพื่อไม่ให้เสียเวลาในการแก้ไขภายหลัง

ขั้นตอนที่ 4 : เริ่มงานก่อสร้าง (Construction Phase)
เมื่อได้รับใบอนุญาต จึงสามารถเริ่มงานก่อสร้างได้ โดยมีขั้นตอนย่อยที่ชัดเจน:
1. เตรียมพื้นที่ก่อสร้าง
- ปรับระดับดิน ถมดิน ตีผัง วางแนวรั้วชั่วคราว
- วางแนวเขตอาคาร และจุดฐานราก
- วางท่อน้ำ ท่อสายไฟใต้ดินล่วงหน้า
2. โครงสร้าง (Structural Work)
- ฐานราก, เสา, คาน, พื้น, หลังคา
- ตรวจสอบระดับ, แนวดิ่ง, วัสดุทุกขั้นตอน
3. งานสถาปัตย์
- ผนัง, พื้น, ฝ้า, ประตู–หน้าต่าง, สี
- งานปูพื้น, งานตกแต่งภายนอก–ภายใน
4. ระบบ (M&E Work)
- ระบบไฟฟ้า, ประปา, สุขาภิบาล
- ระบบระบายอากาศ, CCTV, กันฟ้าผ่า ฯลฯ
คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ : ควรมีผู้ควบคุมงานประจำไซต์ เพื่อรายงานความคืบหน้า และตรวจสอบมาตรฐานทุกวัน

ขั้นตอนที่ 5: ตรวจสอบความเรียบร้อย (QC & Punch List)
เมื่อการก่อสร้างใกล้เสร็จ ควรมีการตรวจสอบคุณภาพงานในแต่ละจุด เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นไปตามแบบและไม่มีข้อบกพร่อง
รายการที่ควรตรวจสอบ
- โครงสร้างมีรอยแตกร้าวหรือไม่
- งานระบบไฟฟ้า–น้ำใช้การได้จริง
- ประตู หน้าต่าง ปิด–เปิดได้สนิท
- งานทาสี พื้น ผนังเรียบเสมอ ไม่มีรอย
คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ : อย่าละเลยงานเล็ก ๆ เช่น รอยต่อซิลิโคน, ความเรียบร้อยของท่อ เพราะสิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อภาพรวมและความทนทาน
ขั้นตอนที่ 6: ส่งมอบงานและเอกสารประกอบ
หลังตรวจรับงานเรียบร้อย ผู้รับเหมาจะทำการส่งมอบอาคารอย่างเป็นทางการ
เอกสารที่ควรได้รับ:
- แบบ As-built Drawing (แบบที่ก่อสร้างจริง)
- ใบรับรองจากวิศวกร (Structural / Electrical)
- คู่มือการใช้งานระบบ (ถ้ามี)
- ใบรับประกันงาน
คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ : ควรขอเอกสารรับประกันวัสดุ เช่น ระบบไฟฟ้า, ปั๊มน้ำ, เครื่องปรับอากาศ เพื่อใช้อ้างอิงในอนาคต

ขั้นตอนที่ 7: บำรุงรักษาและตรวจเช็กตามรอบระยะ
แม้โครงการจะแล้วเสร็จ แต่การบำรุงรักษาคือกุญแจสำคัญของอาคารที่ใช้งานได้ยาวนาน
สิ่งที่ควรทำหลังส่งมอบ:
- ตรวจเช็กระบบไฟฟ้า–น้ำทุก 6 เดือน
- ตรวจสภาพหลังคา–ผนังรั่วซึมช่วงหน้าฝน
- ล้างถังเก็บน้ำ และท่อระบายน้ำอย่างน้อยปีละครั้ง
- เก็บบันทึกปัญหาต่าง ๆ ที่พบ เพื่อแจ้งผู้รับเหมาหรือซ่อมบำรุง
คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ : ผู้รับเหมาที่ดีจะมีบริการดูแลหลังส่งมอบ 1–2 ปี ควรเลือกเจ้าเดียวจบที่ให้บริการหลังการขายจริง
สรุป ขั้นตอนการก่อสร้างอาคาร เข้าใจง่ายใน 7 ขั้นตอน
การสร้างอาคารไม่ใช่เรื่องยาก หากเข้าใจโครงสร้างของงานอย่างถูกต้อง ตั้งแต่
1. วางแผน → 2. ออกแบบ → 3. ขออนุญาต →
4. ก่อสร้าง → 5. ตรวจสอบงาน → 6. ส่งมอบ → 7. บำรุงรักษาทุกขั้นตอนต้องอาศัย ผู้เชี่ยวชาญที่ไว้ใจได้ และการสื่อสารที่ตรงไปตรงมา หากคุณเลือกผู้ รับเหมาก่อสร้าง ที่มีทีมครบ ทั้งสถาปนิก วิศวกร โฟร์แมน และช่างมืออาชีพ งานก่อสร้างจะราบรื่นและประหยัดเวลา–งบประมาณได้มาก
18 July 2025
ในจังหวัดลำพูน ซึ่งมีทั้งพื้นที่อยู่อาศัยและเขตอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เช่น นิคมอุตสาหกรรมลำพูน การเลือกบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่มีความเข้าใจในสภาพพื้นที่และมีประสบการณ์กับงานเฉพาะทาง ถือเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้งานก่อสร้างดำเนินไปได้ราบรื่นและจบครบในที่เดียว
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ บริษัท Plantoprompt Co., Ltd. หนึ่งใน บริษัทรับเหมาก่อสร้าง ลำพูน ที่ตอบโจทย์ทั้งโครงการโรงงาน บ้านจัดสรร อาคารพาณิชย์ และระบบวิศวกรรมครบชุด พร้อมข้อแนะนำก่อนขอใบเสนอราคา และเคล็ดลับเปรียบเทียบผู้รับเหมาหลายรายอย่างมืออาชีพ

บริษัทรับเหมาก่อสร้าง ลำพูน ที่ตอบโจทย์ทั้ง “งานสร้าง-งานระบบ” จบในทีมเดียว
Plantoprompt Co., Ltd. คือ บริษัทรับเหมาก่อสร้างที่มีฐานการทำงานในพื้นที่ภาคเหนือ และมีผลงานจริงใน จังหวัดลำพูน ทั้งในเขตนิคมอุตสาหกรรมและโครงการที่อยู่อาศัย
จุดแข็งที่แตกต่าง
- ให้บริการทั้งงานโครงสร้างและงานระบบ (M&E) ในทีมเดียว
- มีวิศวกรโยธา–ไฟฟ้า–เครื่องกล–สุขาภิบาล ประจำโครงการ
- รับออกแบบ, ขออนุญาต, ก่อสร้าง และติดตั้งระบบ แบบครบวงจร
- มีประสบการณ์กับโรงงานอุตสาหกรรมจริง เช่น อาหาร, อิเล็กทรอนิกส์, แพ็คสินค้า

ประเภทงานที่บริษัท Plantoprompt ให้บริการในลำพูน
เพื่อความสะดวกในการพิจารณา คุณสามารถดูผลงานของบริษัทในลำพูน แยกตามประเภทงานดังนี้:
-
งานโครงสร้างอาคาร (Structural Work)
- สร้างโรงงานอุตสาหกรรม โกดังสินค้า โครงสร้างเหล็ก–คอนกรีต
- อาคารสำนักงาน โฮมออฟฟิศ 2–3 ชั้น
- บ้านพักอาศัยขนาดเล็ก–กลาง–ใหญ่
- อาคารพาณิชย์แบบ Modern Loft / Minimal Style
-
งานระบบไฟฟ้าโรงงานและที่พักอาศัย (Electrical Systems)
- ออกแบบและติดตั้งระบบไฟฟ้าแรงต่ำ–แรงสูง
- วางตู้เมนไฟฟ้า (MDB), DB, MCC, และสายไฟฟ้าสำหรับเครื่องจักร
- ระบบสำรองไฟ (Generator, UPS)
- เดินระบบไฟแสงสว่างภายใน–ภายนอกอาคาร
ทำไมระบบไฟฟ้าต้องใช้ทีมเฉพาะทาง? เพราะต้องมีการคำนวณโหลด, เลือกเบรกเกอร์ที่เหมาะสม, วางสายไฟให้ปลอดภัย และต้องผ่านการตรวจสอบจากวิศวกรไฟฟ้าที่มีใบประกอบวิชาชีพ
-
งานระบบน้ำ สุขาภิบาล และระบายน้ำ (Plumbing & Sanitary)
- วางระบบท่อน้ำดี–น้ำเสีย พร้อมระบบกรอง
- ถังบำบัดน้ำเสีย, ถังเก็บน้ำ, ปั๊มน้ำ
- ระบบสุขาภิบาลในบ้าน และโรงงาน
- ระบบระบายน้ำภายนอกอาคาร เพื่อป้องกันน้ำท่วม
งานระบบน้ำในโรงงานไม่เหมือนในบ้านทั่วไป เพราะต้องแยกประเภทน้ำ (เช่น น้ำดี–น้ำใช้ในกระบวนการ–น้ำเสีย) อย่างชัดเจน
Plantoprompt มีวิศวกรสุขาภิบาลดูแลโดยตรง เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานอุตสาหกรรม
-
งานรีโนเวท–ต่อเติมอาคารเก่า (Renovation)
- ต่อเติมบ้าน–สำนักงาน–ร้านค้า
- รีโนเวทโรงงานเก่าให้ได้มาตรฐาน GMP / ISO
- แก้ปัญหาโครงสร้างทรุด, น้ำรั่ว, ไฟฟ้าลัดวงจร
- ปรับโฉมอาคารให้ดูใหม่ ใช้ประโยชน์ได้เต็มที่

ข้อดีของการเลือก Plantoprompt เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างในลำพูน
- มีทีม วิศวกรครบในบริษัทเดียว ไม่ต้องแยกจ้างช่างระบบต่างหาก
- เข้าใจสภาพพื้นที่ลำพูนเป็นอย่างดี เช่น ดินอ่อน, เขตน้ำท่วม, แนวก่อสร้างที่ปลอดภัย
- ทำงานตามระบบ ตั้งแต่การประเมินหน้างาน ออกแบบ ไปจนถึงส่งมอบ
- อัปเดตงานเป็นระยะ พร้อมเอกสารตรวจรับ และประกันหลังงาน
- ให้คำแนะนำเรื่องการวางแผนงบประมาณ ช่วยลดต้นทุนโดยไม่ลดคุณภาพ

ขั้นตอนการขอใบเสนอราคาจาก Plantoprompt
- เตรียมข้อมูลเบื้องต้น
- ขนาดพื้นที่
- รูปแบบงาน (บ้าน, โรงงาน, รีโนเวท)
- งบประมาณโดยประมาณ
- ความต้องการพิเศษ เช่น ระบบไฟสำรอง, พื้น epoxy ฯลฯ
- ติดต่อทีมงาน
- โทร: 088-6544163
- เว็บไซต์: www.plantoprompt.com
- เข้าดูหน้างานจริง / วิดีโอคอลสำรวจเบื้องต้น
- เพื่อลดการประเมินผิดพลาด
- ทำให้เสนอราคาได้แม่นยำ และไม่บานปลายภายหลัง
- รับใบเสนอราคาพร้อม BOQ รายการวัสดุ
- แสดงค่าแรง–ค่าวัสดุแยกชัดเจน
- มีแบบร่าง 2D/3D เบื้องต้นประกอบ (หากต้องการ)
เคล็ดลับ: วิธีเปรียบเทียบผู้รับเหมาหลายเจ้าอย่างมืออาชีพ
หัวข้อ
สิ่งที่ควรดู
ราคา ดูว่า BOQ มีรายละเอียดชัดหรือไม่ ไม่ใช่ราคาก้อนเดียว ทีมงาน มีวิศวกรประจำไหม? หรือจ้างช่างรายวัน? ผลงาน มีตัวอย่างงานจริงในลำพูนหรือไม่? การรับประกัน ระบุในสัญญาชัดเจนหรือไม่? เช่น รับประกันโครงสร้าง 5 ปี ความน่าเชื่อถือ มีจดทะเบียนบริษัท มีนิติบุคคล มีรีวิวลูกค้าจริงไหม? สรุป หากคุณมองหาผู้รับเหมามืออาชีพในลำพูน – Plantoprompt คือคำตอบ
การจะก่อสร้างอาคารที่ดี ไม่ว่าจะเป็นบ้าน โรงงาน หรืออาคารพาณิชย์ ไม่ได้อยู่ที่ราคาถูกที่สุด แต่อยู่ที่ คุณภาพ ความปลอดภัย และการบริการที่ครอบคลุมทุกระบบ
หากคุณต้องการ
- งานก่อสร้างที่จบครบในบริษัทเดียว
- มีทั้งวิศวกรโครงสร้าง–ไฟฟ้า–สุขาภิบาล
- ประสบการณ์จริงในพื้นที่ลำพูน
- ทีมที่ให้คำปรึกษาก่อนเริ่มโครงการได้อย่างละเอียด
บริษัท Plantoprompt Co., Ltd. พร้อมเป็นพันธมิตรของคุณในทุกโครงการก่อสร้างในจังหวัดลำพูน และภาคเหนือทั้งหมด
17 July 2025
เชียงราย จังหวัดชายแดนที่เต็มไปด้วยความหลากหลาย ทั้งด้านภูมิประเทศ สถาปัตยกรรม และรูปแบบการพัฒนาเมืองในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้ความต้องการในการก่อสร้างเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในภาคที่อยู่อาศัย เช่น บ้านเดี่ยว โครงการจัดสรร ไปจนถึงภาคธุรกิจ เช่น อาคารพาณิชย์ โกดังสินค้า และโรงงานผลิต
หลายคนที่ต้องการสร้างบ้านหรือขยายธุรกิจในพื้นที่จึงเริ่มค้นหา “บริษัทรับเหมาก่อสร้าง เชียงราย” เพื่อมองหาทีมงานมืออาชีพที่รู้พื้นที่ สื่อสารง่าย และราคายืดหยุ่น เหมาะกับสภาพเศรษฐกิจของเชียงรายโดยเฉพาะ
บทความนี้จะพาคุณไป
- แจกเคล็ดลับเลือกผู้รับเหมาท้องถิ่น
- สรุปข้อดีของการจ้างช่างในพื้นที่
- พร้อมแนบช่องทางติดต่อ–แผนที่ประกอบ (หากต้องการทำเป็น Directory Listing)

ทำไมควรเลือก “บริษัทรับเหมาก่อสร้าง เชียงราย” ที่เป็นช่างท้องถิ่น?
ก่อนจะพาไปดูรายชื่อบริษัท ขอแนะนำข้อดีที่หลายคนอาจมองข้ามเกี่ยวกับการเลือกผู้รับเหมาท้องถิ่น ดังนี้:
1. เข้าใจพื้นที่–ภูมิประเทศเป็นอย่างดี
เชียงรายมีทั้งเขตเมือง ที่ราบ และพื้นที่เนินสูง ซึ่งการสร้างบ้านหรือโรงงานในแต่ละโซนจำเป็นต้องเข้าใจดิน ฟ้าฝน น้ำท่วม ความลาดเอียง ฯลฯ ทีมท้องถิ่นจะมีประสบการณ์จากหน้างานจริงในพื้นที่คล้ายกัน
2. พูดคุยสะดวก–ติดต่อได้ง่าย
การสื่อสารที่ดีคือหัวใจของงานก่อสร้าง ผู้รับเหมาท้องถิ่นส่วนใหญ่มักพูดจาเข้าใจง่าย ไม่ใช้ศัพท์เทคนิคมากเกินไป แถมยังสามารถนัดเจอที่ไซต์งานได้รวดเร็ว ไม่ต้องรอทีมเดินทางข้ามจังหวัด
3. ราคายืดหยุ่น–ไม่มีค่าเดินทาง
บริษัทในพื้นที่ไม่มีค่าใช้จ่ายแฝง เช่น ค่าที่พักทีมงาน ค่าขนส่งวัสดุระยะไกล ทำให้สามารถเสนอราคาได้ใกล้เคียงกับงบของลูกค้า
4. ดูผลงานจริงในพื้นที่ได้
คุณสามารถไปดูบ้านหรือโรงงานที่ผู้รับเหมารายนั้นสร้างไว้ในเชียงรายได้ทันที ไม่ต้องพึ่งแค่ภาพในโบรชัวร์ หรือคำบอกเล่า

เคล็ดลับ เปรียบเทียบผู้รับเหมาก่อสร้างยังไงให้เลือกเจ้า “ที่ใช่”
1. ขอใบเสนอราคาที่มีรายละเอียด (BOQ)
ขอรายการวัสดุ รายการงาน พร้อมราคาต่อหน่วย เพื่อเปรียบเทียบแบบ apple-to-apple
2. ดูผลงานจริง
ขอชมบ้าน/อาคารที่เคยสร้าง (หรือแวะดูหน้างานที่กำลังก่อสร้าง)
3. เช็กใบอนุญาตและชื่อทีมวิศวกร
ตรวจสอบว่าบริษัทมีวิศวกรรับรองจริงหรือไม่ หากเป็นนิติบุคคล ต้องขึ้นทะเบียนกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
4. ถามถึงระยะเวลาก่อสร้าง–แผนงาน
บริษัทที่ดีควรบอกคุณได้ว่า ใช้เวลากี่เดือน ทำอะไรในแต่ละช่วง
5. อย่ารีบจ่ายเงินก้อนแรกมากเกินไป
งวดแรกควรไม่เกิน 10–20% ของโครงการ และต้องมีเอกสารชัดเจนแนบกับสัญญา
สรุป สร้างบ้าน สร้างโรงงานในเชียงราย ไม่ต้องมองไกล
บริษัทรับเหมาก่อสร้าง เชียงราย มีให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ช่างท้องถิ่นขนาดเล็ก ไปจนถึงบริษัทที่มีทีมวิศวกรครบวงจร ขึ้นอยู่กับประเภทโครงการและงบประมาณของคุณ
การเลือกช่างในพื้นที่ ไม่เพียงประหยัดงบและใกล้ตัว แต่ยังมีโอกาสได้ “ทีมที่เข้าใจเชียงราย” และสร้างงานที่เหมาะกับภูมิภาคนั้นได้ดีที่สุด
15 July 2025
หากคุณกำลังวางแผนลงทุนอสังหาริมทรัพย์เพื่อปล่อยเช่า เปิดหน้าร้าน หรือทำโฮมออฟฟิศ การ “สร้างอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น” คือหนึ่งในตัวเลือกยอดนิยม ด้วยฟังก์ชันที่หลากหลาย ใช้พื้นที่ได้คุ้มค่า และสร้างผลตอบแทนในระยะยาว
แต่อย่าเพิ่งรีบจ้างผู้รับเหมาโดยยังไม่รู้ขั้นตอน เพราะการสร้างอาคารพาณิชย์นั้นมีรายละเอียดมากกว่าแค่ “ออกแบบ-ก่อสร้าง” โดยเฉพาะเรื่องใบอนุญาต กฎหมายอาคาร และการคำนวณต้นทุนที่แท้จริง
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จัก
- ขั้นตอนการเตรียมตัวสร้างอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น
- งบประมาณเบื้องต้น (แยกเป็นหมวดค่าใช้จ่าย)
- ตัวอย่างแบบอาคารยอดนิยม
- วิธีเลือกผู้รับเหมาที่เหมาะกับงานของคุณ

ขั้นตอนการสร้างอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น ตั้งแต่ศูนย์ถึงส่งมอบ
1. เลือกที่ดินให้เหมาะกับการค้า
การเลือกที่ตั้งคือหัวใจของความคุ้มค่า เพราะอาคารพาณิชย์เน้น “ทำเล” มากกว่ารูปแบบ เช่น:
- ที่ดินติดถนนใหญ่ ถนนซอยที่มีคนผ่าน
- หน้าโรงงาน หน้าโรงเรียน หรือใกล้แหล่งชุมชน
- พื้นที่ไม่ต่ำกว่าระดับถนน เพื่อป้องกันน้ำท่วม
- ความลึกหน้ากว้างเหมาะกับรูปทรงอาคาร (เช่น 4×12 เมตร)
ข้อควรรู้ คือ ถ้าที่ดินติดทางสาธารณะ ต้องดูแนวเขตและความกว้างของถนนด้วย เพราะจะมีผลต่อระยะถอยร่นตามกฎหมาย
2. ว่าจ้างผู้ออกแบบที่มีใบอนุญาต
ก่อนขออนุญาตก่อสร้าง ต้องมีแบบแปลนที่ออกโดยสถาปนิกและวิศวกรที่ได้รับใบอนุญาต และผ่านมาตรฐานข้อบังคับของอาคารพาณิชย์ เช่น:
- มีบันไดหนีไฟ
- โครงสร้างรับน้ำหนัก 3 ชั้น
- ระบบระบายน้ำ ฝน–ทิ้ง–สุขาภิบาล
- แปลนไฟฟ้าและประปาที่ปลอดภัย
แบบอาคารควรมีฟังก์ชันยืดหยุ่น เช่น พื้นที่ค้าขายชั้นล่าง + ชั้นบนพักอาศัย หรือแบ่งเป็น 3 ห้องเช่าแยกยูนิต
3. ขอใบอนุญาตก่อสร้างจากเทศบาล/อบต.
เอกสารที่ต้องใช้ ได้แก่
- แบบแปลนพร้อมลายเซ็นสถาปนิก/วิศวกร
- สำเนาโฉนดที่ดิน
- หนังสือยินยอมจากเจ้าของที่ (ถ้าไม่ใช่เจ้าของเอง)
- แบบฟอร์มคำขอ (ข.1)
- สำเนาบัตรประชาชน
กระบวนการอนุญาตใช้เวลาเฉลี่ย 30–60 วัน (แล้วแต่พื้นที่)
คำแนะนำ : บริษัทรับเหมาหรือผู้ออกแบบบางรายสามารถดำเนินเรื่องขออนุญาตแทนคุณได้
4. เริ่มงานก่อสร้าง (โดยมีผู้ควบคุมงาน)
หลังได้รับใบอนุญาตจึงจะเริ่มงานก่อสร้างได้ โดยควรมี
- สัญญาก่อสร้างระบุระยะเวลาก่อสร้าง งวดชำระ และรายละเอียดวัสดุ
- วิศวกรควบคุมงานหรือผู้ควบคุมงานประจำโครงการ
- บันทึกความคืบหน้าแต่ละงวดงาน พร้อมตรวจสอบก่อนจ่ายเงิน
5. ขอเลขที่บ้าน–ขอติดตั้งไฟฟ้า ประปา
หลังโครงสร้างแล้วเสร็จ สามารถ
- ขอเลขที่บ้านจากอำเภอ
- ขอติดตั้งมิเตอร์ไฟฟ้า-ประปากับการไฟฟ้า/ประปาในพื้นที่
- ขอใบรับรอง “ปลอดภัยในการใช้งาน” จากวิศวกร
6. ตรวจรับงาน + ส่งมอบอาคาร
เมื่องานเสร็จสมบูรณ์ ควรมีการ:
- ตรวจรับงานโครงสร้าง ไฟฟ้า สุขาภิบาล
- ขอรับประกันงาน 1–2 ปี (ขึ้นอยู่กับสัญญา)
- ส่งมอบอาคารพร้อมคู่มือการใช้งานระบบ (ถ้ามี)

งบประมาณเบื้องต้นในการสร้างอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น
การประเมินงบควรแยกเป็นหมวด เพื่อให้เห็นภาพรวมค่าใช้จ่ายที่แท้จริง:
รายการ
งบประมาณโดยประมาณ
1. ค่าก่อสร้างโครงสร้างหลัก (เสา, คาน, ผนัง, หลังคา) 9,000 – 12,000 บาท/ตร.ม. 2. ค่าระบบไฟฟ้า–ประปา–สุขาภิบาล 500 – 1,000 บาท/ตร.ม. 3. ค่าตกแต่งพื้น–ฝ้า–ประตูหน้าต่าง 2,000 – 3,000 บาท/ตร.ม. 4. ค่าออกแบบ + ขออนุญาต 50,000 – 150,000 บาท 5. ค่าระบบกันขโมย–ไฟฟ้าสำรอง (ถ้ามี) 30,000 – 80,000 บาท 6. ค่าภาษี ค่าธรรมเนียมใบอนุญาต 10,000 – 30,000 บาท ตัวอย่าง : อาคารพาณิชย์ 3 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 180 ตร.ม. (6×10 เมตร 3 ชั้น)
งบก่อสร้างรวม (แบบพื้นฐาน) : 1.6 – 2.5 ล้านบาท ถ้ารวมตกแต่งเต็มระบบ + ระบบไฟฟ้าครบ อาจถึง 3 ล้านบาทขึ้นไป
แบบอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น ยอดนิยมในปี 2025
แบบ 1 ชั้นล่างค้าขาย + ชั้นบนพักอาศัย
เหมาะกับ ผู้เริ่มต้นธุรกิจ หรือผู้ปล่อยเช่า
- ชั้น 1 = โชว์รูม, ร้านค้า
- ชั้น 2–3 = ห้องนอน + ห้องน้ำ + ห้องครัว
- มีพื้นที่จอดรถหน้าบ้าน
แบบ 2 อาคารพาณิชย์แยกห้องเช่า 3 ยูนิต
เหมาะกับ นักลงทุนปล่อยเช่า
- 1 ยูนิต ต่อชั้น มีห้องน้ำและมิเตอร์แยก
- ชั้นล่างให้ผู้เช่าเปิดร้าน, ชั้นบนเป็นที่พัก
- ปล่อยเช่าได้หลายช่องทางทั้งรายวัน-รายเดือน
แบบ 3 โฮมออฟฟิศทันสมัย
เหมาะกับ สำนักงานขนาดเล็ก
- ชั้น 1 = โถงรับลูกค้า
- ชั้น 2 = สำนักงาน/ห้องประชุม
- ชั้น 3 = พักอาศัยหรือคลังเก็บสินค้า
- ดีไซน์ทันสมัย หน้ากว้างพร้อมกระจกบานใหญ่

เลือกผู้รับเหมาสร้างอาคารพาณิชย์อย่างไรให้ไม่พลาด?
-
ดูผลงานอาคารพาณิชย์มาก่อน
ไม่ใช่ผู้รับเหมาทุกคนจะเข้าใจฟังก์ชันของอาคารพาณิชย์ การจัดวางบันได ระบบสุขาภิบาล และโครงสร้างเชิงพาณิชย์ต้องมีความรู้เฉพาะ
-
มีทีมออกแบบ + ดำเนินเรื่องขออนุญาต
บริษัทที่ดูแลแบบครบวงจร ตั้งแต่แบบ–ก่อสร้าง–ขออนุญาต มักทำงานเป็นระบบ ลดภาระเจ้าของบ้าน
-
เสนอราคาแบบมี BOQ รายละเอียด
ควรมีรายการวัสดุชัดเจน เช่น ปริมาณปูน เหล็ก ท่อ สายไฟ ฯลฯ เพื่อให้เปรียบเทียบได้และควบคุมงบประมาณ
-
มีสัญญาก่อสร้างและรับประกันหลังส่งมอบ
สัญญาที่ดีควรระบุระยะเวลาก่อสร้าง วิธีแบ่งงวดเงิน รับประกันงาน และกรณีเกิดความล่าช้า
สรุป การสร้างอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น ต้องวางแผนรอบด้าน
หากคุณกำลังจะลงทุนสร้างอาคารพาณิชย์ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อทำธุรกิจของตนเอง ปล่อยเช่า หรือสร้างเก็บระยะยาว การรู้ ขั้นตอน และ ค่าใช้จ่ายที่แท้จริง รวมถึงการเลือก ผู้รับเหมาที่มีประสบการณ์กับอาคารพาณิชย์ คือสิ่งสำคัญ
“เริ่มต้นดี มีแผนชัดเจน เลือกทีมที่ใช่” จะช่วยให้โครงการของคุณไม่บานปลาย ไม่ถูกทิ้งงาน และพร้อมใช้งานอย่างปลอดภัยในระยะยาว
14 July 2025
เมื่อถึงเวลาที่ต้องสร้างบ้าน รีโนเวทอาคาร หรือวางแผนสร้างโรงงานเล็ก ๆ สิ่งที่หลายคนค้นหาอันดับแรกคือ บริษัทรับเหมาก่อสร้าง ใกล้ฉัน เพราะเชื่อว่า “ช่างใกล้บ้าน” หรือ “บริษัทท้องถิ่น” นั้นเข้าถึงง่าย พูดคุยได้สะดวก และดูแลโครงการได้ต่อเนื่อง
แต่คำถามคือ… จะเลือกอย่างไรให้เจอช่างท้องถิ่นที่มืออาชีพ ไม่ทิ้งงาน ไม่บานปลาย และคุณภาพได้มาตรฐานจริง ๆ
ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จัก
- ข้อดีของการเลือก บริษัทรับเหมาก่อสร้าง ท้องถิ่น
- วิธีค้นหาผู้รับเหมาใกล้บ้าน
- เทคนิคตรวจสอบเบื้องต้นก่อนจ้าง
- และแจกฟรี! เทมเพลตคำถามสัมภาษณ์ผู้รับเหมา ที่ช่วยให้คุณไม่พลาด

ทำไมหลายคนเลือก บริษัทรับเหมาก่อสร้าง ใกล้ฉัน
การจ้างบริษัทใกล้บ้าน หรือในพื้นที่เดียวกัน ไม่ใช่แค่สะดวกอย่างเดียว แต่ยังมีข้อดีสำคัญที่อาจไม่เคยรู้
-
รู้จักพื้นที่ดี
ช่างท้องถิ่นเข้าใจสภาพดิน สภาพน้ำ ภูมิอากาศของพื้นที่นั้น ๆ ได้ดีกว่า เช่น รู้ว่าพื้นที่ไหนน้ำท่วมง่าย ต้องยกพื้นสูง หรือดินอ่อนต้องเสริมฐานราก
-
ติดตามงานง่าย ไม่ต้องรอเดินทางนาน
บริษัทในพื้นที่สามารถเข้าหน้างานได้ทุกวัน หากมีปัญหาเร่งด่วน เช่น น้ำรั่ว ฝนตก หรือต้องแก้ไขทันที ก็สามารถเข้ามาดูแลได้ไวกว่าบริษัทจากต่างจังหวัด
-
ราคายืดหยุ่นกว่า
ผู้รับเหมาท้องถิ่นไม่มีค่าขนส่งไกล ค่าที่พัก หรือค่าเบี้ยเลี้ยงทีมงาน ทำให้มีต้นทุนต่ำกว่า และพร้อมเจรจาราคากับเจ้าของบ้านได้มากกว่าบริษัทใหญ่
-
บริการหลังงานดีกว่า
หากเกิดปัญหาหลังสร้าง เช่น ผนังแตกร้าว ระบบน้ำรั่ว ช่างในพื้นที่สามารถเข้ามาซ่อมได้ภายในวันหรือสองวัน ไม่ต้องรอคิว หรือเสียค่าบริการซ้ำ
-
มีคนในพื้นที่แนะนำหรือเคยจ้างแล้ว
คุณสามารถสอบถามเพื่อนบ้าน หรือดูผลงานของผู้รับเหมานั้นได้จากบ้านใกล้เคียงที่เขาเคยสร้าง หรือถามแบบตรง ๆ จากลูกค้าเก่าที่อยู่ละแวกเดียวกัน
วิธีค้นหา บริษัทรับเหมาก่อสร้าง ใกล้ฉัน อย่างชาญฉลาด
-
ค้นหาผ่าน Google / Google Maps
ลองค้นด้วยคำว่า “บริษัทรับเหมาก่อสร้าง ใกล้ฉัน” หรือ “ช่างสร้างบ้าน [ชื่ออำเภอ]” ระบบจะขึ้นรายชื่อบริษัทในพื้นที่ใกล้ตัว
เคล็ดลับ : อ่านรีวิวจาก Google ให้ละเอียด
-
โพสต์ถามในกลุ่ม Facebook ท้องถิ่น
กลุ่มอย่าง “ช่างเชียงใหม่”, “รับเหมาราคาดีภาคเหนือ”, “สร้างบ้านลำพูน–ลำปาง” มักมีคนแนะนำช่างที่เคยจ้างจริง พร้อมภาพผลงาน
-
สอบถามจากเพื่อนบ้าน/ผู้ใหญ่บ้าน
การถามจากคนที่เคยใช้บริการช่างจริง เป็นวิธีที่แม่นยำที่สุด และมักได้ข้อมูลเบื้องหลังว่า “งานเสร็จตรงเวลาไหม มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
-
ดูงานที่ช่างเคยทำจริง
ถ้าบ้านหรืออาคารใกล้ ๆ มีการสร้างใหม่ ลองสอบถามดูว่าใครเป็นผู้รับเหมา และคุณสามารถขอเข้าไปชมผลงานใกล้เสร็จได้ด้วย

ตรวจสอบอย่างไรให้มั่นใจก่อนตัดสินใจจ้าง?
ไม่ว่าผู้รับเหมาจะอยู่ใกล้หรือไกล คุณควรเช็คข้อมูลเหล่านี้เสมอก่อนจ้าง:
-
ดูผลงานที่ผ่านมา
- มีภาพบ้านหรืออาคารที่เคยสร้างไหม?
- มีลูกค้าเดิมให้โทรสอบถามได้หรือเปล่า?
-
เช็คเอกสารเบื้องต้น
- มีนามบัตร/ใบเสนอราคาที่เป็นทางการ
- มีที่อยู่ชัดเจน เบอร์โทรติดต่อง่าย
- ถ้าเป็นบริษัท ควรขอเลขทะเบียนนิติบุคคล
-
ทำสัญญาชัดเจน
- มีแบบแปลนหรือรายการวัสดุแนบกับสัญญาไหม?
- กำหนดระยะเวลาแล้วเสร็จและค่าปรับกรณีล่าช้า
- แบ่งงวดการจ่ายเงินให้สอดคล้องกับความคืบหน้าของงาน
-
อย่ามัดจำงวดแรกสูงเกินไป
- ปกติงวดแรกไม่ควรเกิน 10–20% เพื่อไม่ให้เสียเปรียบหากถูกทิ้งงาน
คำถามสัมภาษณ์ผู้รับเหมา (ใช้ได้ทั้งรายเล็กและรายบริษัท)
หมวดคำถาม
ตัวอย่างคำถาม
ประสบการณ์ คุณเคยสร้างบ้าน/อาคารแบบนี้มากี่หลัง? มีผลงานในพื้นที่นี้ไหม? ขอชมได้หรือเปล่า? ระยะเวลาและขั้นตอน ถ้าตกลงเริ่มงาน จะใช้เวลากี่วัน/เดือนเสร็จ? ขั้นตอนการก่อสร้างมีอะไรบ้าง? ทีมงาน ใช้ทีมช่างของตัวเอง หรือจ้างซับคอนแทรกต์? มีผู้ควบคุมงานหรือวิศวกรประจำไซต์ไหม? วัสดุ ใช้วัสดุจากไหน? เลือกเกรดวัสดุได้ไหม? ถ้าต้องการปรับวัสดุ จะเพิ่มเงินเท่าไร? งบประมาณและสัญญา มีใบเสนอราคาเป็นรายการไหม? (BOQ) สามารถแบ่งจ่ายเป็นงวดตามความคืบหน้าได้ไหม? บริการหลังงาน มีประกันงานก่อสร้างกี่ปี? ถ้าเกิดรั่วซึมหรือแตกร้าว จะรับผิดชอบยังไง? สัญญาณเตือน! ผู้รับเหมาที่ควรหลีกเลี่ยง
- เริ่มต้นด้วยราคาถูกผิดปกติ แต่ไม่มีรายการวัสดุชัดเจน
- เร่งให้มัดจำเร็วโดยไม่เสนอแบบหรือตารางงาน
- ไม่มีผลงานให้ดู หรือมีแต่ภาพจากอินเทอร์เน็ต
- เปลี่ยนเบอร์บ่อย ติดต่อยาก หรือไม่ค่อยตอบข้อความ
สรุป การค้นหา บริษัทรับเหมาก่อสร้าง ใกล้ฉัน ให้ได้มืออาชีพ ไม่ใช่เรื่องยาก
หากคุณเลือกอย่างมีข้อมูล และใช้เครื่องมือที่ถูกต้อง เช่น
- ค้นจาก Google Maps + รีวิว
- โพสต์ถามกลุ่มท้องถิ่น
- ขอผลงานจริง
- ใช้เทมเพลตคำถามสัมภาษณ์
บทความที่น่าสนใจ
สงวนลิขสิทธิ์ © [ 2023 ] บริษัท แพลนทูพร้อมท์ จำกัด. บทความทั้งหมดในเว็บไซต์นี้เป็นทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัท แพลนทูพร้อมท์ จำกัด ห้ามนำไปใช้, ทำซ้ำ, แก้ไข, หรือเผยแพร่ต่อสาธารณะไม่ว่าจะในรูปแบบใด ๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากบริษัท. การละเมิดสิทธิ์ใด ๆ จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย.














