04 January 2024
พลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานทางเลือก ที่ปัจจุบันเจ้าของบ้านจำนวนมากให้ความสนใจ ผู้เขียนเองในฐานะผู้ทำงานออกแบบบ้าน ทุก ๆ ครั้งที่ได้สัมภาษณ์พูดคุยงานออกแบบกับว่าที่เจ้าของบ้านใหม่ เจ้าของบ้านเกือบ ทุกหลังมักถามถึงความคุ้มค่าในการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์อยู่เสมอ
ซึ่งคำตอบของคำถามแต่ละบ้านนั้นมีความแตกต่างกัน จำเป็นต้องสำรวจทิศทาง ตรวจเช็คงานหลังคา รวมทั้งสำรวจพฤติกรรมในการใช้พลังงานไฟฟ้าในแต่ละวัน เนื้อหานี้จึงเป็นเสมือนเช็คลิสต์ให้ผู้อ่านได้ตรวจเช็คได้ด้วยตนเองว่า บ้านของเราเหมาะสมกับการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์หรือไม่ มาสำรวจกันเลยครับ
รู้จักระบบ Solar Cell แล้วต้องเลือกให้เหมาะกับบ้าน
เจ้าของบ้านจำนวนไม่น้อยยังมีความเข้าใจผิดว่า บ้านที่ติดตั้งโซลาร์เซลล์จะเหมาะกับบ้านที่ห่างไกลความเจริญและต้องใช้ไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์เท่านั้น ความเป็นจริงแล้วโซลาร์เซลล์ปัจจุบันสามารถนำมาใช้ได้กับทุก ๆ พื้นที่ ทั้งในเมือง ชนบทและพื้นที่ห่างไกลความเจริญ กรณีนำมาใช้ร่วมกับบ้าน ปัจจุบันมีให้เลือก 3 ระบบหลักด้วยกันครับ
ระบบออฟกริด (Off Grid) เหมาะกับบ้านที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล พื้นที่สวน ไร่ฟาร์ม หรือที่ดินตาบอดที่ไม่มีเสาไฟฟ้าผ่านหน้าบ้าน ซึ่งหากลงทุนเดินเสาไฟฟ้าเองจะต้องใช้งบประมาณสูงมาก ระบบ Off Grid มุ่งเน้นการใช้พลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์เป็นหลัก โดยการใช้ไฟฟ้าช่วงกลางวันจะดึงกระแสไฟจากแผงโซลาร์เซลล์โดยตรง และมีแบตเตอรี่สำรองเพื่อเก็บพลังงานไฟฟ้าใช้ในยามค่ำคืน
ระบบออนกริด (On Grid) เป็นระบบที่ใช้กระแสไฟฟ้าจากการไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้าที่ผลิตได้จากแผงโซลาร์เซลล์ โดยกระแสไฟฟ้าที่ได้จากแผงโซลาร์เซลล์จะมุ่งเน้นการใช้งานร่วมกับเครื่องใช้ไฟฟ้าในเวลากลางวัน หากกระแสไฟฟ้าเหลือเกิน จะถูกแบ่งขายคืนให้กับการไฟฟ้า และหากผลิตกระแสไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ได้น้อย จะใช้กระแสไฟฟ้าจากการไฟฟ้าแทน ข้อดีของแบบออนกริด นอกจากจะช่วยประหยัดค่าไฟได้แล้วยังได้กำไรจากการขายกระแสไฟให้ภาครัฐอีกด้วย
ระบบ Hybrid Grid เป็นระบบที่ผสมผสานระหว่าง Off Grid และ On Grid เข้าด้วยกัน โดยจะมีความใกล้เคียงกับระบบออนกริด โดยมีจุดแตกต่าง คือ ระบบไฮบริดมีแบตเตอรี่สำรองไว้สำหรับเก็บกระแสไฟฟ้าที่ได้จากแผงโซลาร์เซลล์ จึงมีพลังงานไฟฟ้าสำรองสามารถนำมาใช้ในยามค่ำคืนหรือช่วงเวลากระแสไฟฟ้าจากการไฟฟ้าดับได้ แต่ระบบไฮบริดจะไม่สามารถขายกระแสไฟให้กับภาครัฐได้ และเนื่องจากในตอนนี้ระบบแบตเตอรี่ยังมีราคาที่ค่อนข้างสูงมาก ทำให้มีระยะเวลาคืนทุนค่อนข้างนานมาก หรืออาจไม่คืนทุนเลย จึงยังไม่แนะนำให้ติดตั้งในตอนนี้ครับ
บ้านที่เหมาะกับการติดตั้งระบบโซล่าเซลล์
- บ้านที่มีหลังคาลาดเอียงทางทิศใต้ ทิศตะวันตก หรือ ทิศตะวันตกเฉียงใต้
เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในเขตร้อนใกล้เส้นศูนย์สูตร จึงได้รับแสงแดดและความร้อนจากดวงอาทิตย์ทางทิศตะวันตกและทิศใต้สูงสุดในแต่ละวันเป็นระยะเวลา 8-9 เดือนโดยประมาณ หากมีพื้นที่ติดตั้งโซล่าเซลล์ฝั่งดังกล่าวจะคุ้มค่ากว่าทิศอื่น ๆ
- บ้านที่มีพื้นที่ว่างสำหรับวางแผงโซล่าเซลล์
โดยปกติแล้วก่อนติดตั้ง เจ้าของบ้านควรทราบความต้องการในการใช้พลังงานไฟฟ้ารวม เพื่อประเมินได้ว่าควรต้องติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ทั้งหมดกี่แผง แต่ละแผงมีสเปคเท่าไหร่ ตัวอย่างแผงโซล่าเซลล์ของ SCG หากใช้กับบ้านทั่วไปที่มีหลอดไฟ 20 ดวง ทีวี 2 เครื่อง เครื่องปรับอากาศ 2 เครื่อง (ขนาด 9000 BTU) และตู้เย็น 1 เครื่อง จะต้องใช้แผงโซล่าเซลล์ 5 แผง ใช้พื้นที่ติดตั้งประมาณ 10-14 ตร.ม.
- บ้านที่ใช้ไฟฟ้าช่วงกลางวันมากหรือสำนักงาน
พลังงานไฟฟ้าจากโซล่าเซลล์ สามารถผลิตได้ช่วงกลางวัน หากการใช้ไฟฟ้าภายในบ้านหรืออาคารสถานที่ มุ่งเน้นการใช้งานกลางวันก็จะช่วยส่งกระแสไฟฟ้าได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องเก็บสำรองในแบตเตอรี่ การติดตั้งโซล่าเซลล์ จึงคุ้มค่ามากและเหมาะอย่างยิ่งสำหรับสำนักงาน, Home Office, คาเฟ่, ร้านอาหาร ที่โดยปกติจำเป็นต้องเปิดเครื่องปรับอากาศและเครื่องใช้สำนักงานจำนวนมาก หรือบ้านไหนมีผู้สูงอายุ มีเด็ก ที่ปกติต้องอยู่บ้านทั้งวันและใช้พลังงานไฟฟ้าสูงเกิน 3,000 บาทขึ้นไป ก็เหมาะสมเช่นกันครับ
- บ้านที่กระแสไฟตกบ่อย
แม้ปัจจุบันในประเทศไทย ไฟฟ้าได้เข้าถึงเกือบทุกพื้นที่แล้ว แต่ก็มิได้หมายความว่ากระแสไฟฟ้าจะเสถียรทั้งหมด แม้แต่ในชุมชนเมืองบางพื้นที่ ที่มีการอยู่อาศัยอย่างหนาแน่นมักเกิดปัญหากระแสไฟฟ้าไม่เพียงพอ ทำให้เกิดเหตุการณ์ไฟตกบ่อยครั้ง การมีพลังงานไฟฟ้าที่สามารถผลิตได้เองด้วยแผงโซล่าเซลล์ จึงเป็นเสมือนตัวช่วยประกันความเสี่ยงในการใช้พลังงานไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี
- บ้านสวนสนามกว้างสายไฟไปไม่ถึง
โซล่าเซลล์ไม่ได้มีเฉพาะแบบแผงสี่เหลี่ยมที่ติดตั้งอยู่บนหลังคาเท่านั้น ยังมีในรูปแบบอื่น ๆ ให้เลือกใช้งาน อาทิ ไฟตกแต่งสวนโคมไฟโซล่าเซลล์แบบฝังพื้น โคมไฟพลังงานแสงอาทิตย์แบบปักสนาม ที่สะดวกสำหรับบ้านสนามหญ้ากว้าง ๆ จึงไม่จำเป็นต้องเดินระบบสายไฟออกไกลนอกบ้าน ลดต้นทุนค่าใช้จ่ายและลดอันตรายจากการต่อสายไฟออกมากลางแจ้งได้เป็นอย่างดี
ในท้ายนี้ขอเพิ่มเติมข้อสังเกต ในกรณีบ้านที่ไม่เหมาะติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ เพราะไม่ได้ประสิทธิภาพเท่าที่ควรจะเป็น คือ บ้านที่มีอาคารสูงบังทางทิศใต้หรือทิศตะวันตก บ้านที่มีพื้นที่หลังคาน้อยหรือโครงสร้างหลังคาไม่รองรับ หรือบ้านที่ใช้พลังงานไฟฟ้าน้อยมีค่าไม่เกิน 1,000 บาท/เดือน หากติดตั้งโซลาร์เซลล์ไปแล้วอาจไม่คุ้มค่าต่อการลงทุนครับ
การวางแผนเรื่องพลังงานระยะยาวด้วยการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ อาจจะดูเป็นการลงทุนที่มีค่าใช้จ่ายสูง แต่หากคำนวณค่าไฟฟ้าที่ลดได้ต่อปีคูณอายุการหลังจากการคืนทุน (ประมาณ 7-10 ปี ขึ้นอยู่กับขนาดระบบและปริมาณการใช้ไฟ) ต่อไปถึง 25 ปี ถือว่าเป็นการลงทุนครั้งเดียวที่คุ้มค่า นอกจากจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายค่าไฟฟ้าแล้ว ยังอาจมีรายได้เพิ่มจากการขายไฟฟ้าส่วนเกิน ทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยอนุรักษ์โลกของเราด้วยวิถีที่ยั่งยืนอีกด้วยครับ
04 January 2024
ปัจจุบันการติด โซล่าเซลล์โรงงาน (Solar Rooftop) เพื่อผลิตไฟฟ้าใช้เอง ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากทั้งในภาคครัวเรือน และภาคธุรกิจ โดยเฉพาะภาคธุรกิจการติดตั้งโซล่าเซลล์ รูฟท็อป (Solar Rooftop) ในโรงงาน สามารถช่วยลดต้นทุนให้ธุรกิจได้ในส่วนของค่าไฟ ส่งผลให้ผู้ประกอบการได้รับกำไรเพิ่มมากขึ้น จึงเป็นที่มาของความนิยมดังกล่าว นอกจากนี้ยังส่งผลต่อความคุ้มค่าในระยะยาวเพราะปัจจุบันการติดโซลาร์โรงงานในภาคธุรกิจสามารถคืนทุนได้ภายใน 5-6 ปี เท่านั้น แต่การใช้งานหรือรับประกันประสิทธิภาพการผลิตไฟยาวนานถึง 25 ปี ซึ่งหลังจากเลยจุดคุ้มทุน นับว่าเป็นกำไรที่เจ้าของธุรกิจจะได้รับไปเต็มๆ
3 ปัจจัยหลัก ก่อนติดโซลาร์รูฟท็อป (Solar Rooftop) ในโรงงาน เพื่อให้การลงทุนเป็นไปอย่างคุ้มค่าที่สุด
การเตรียมตัวก่อนติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปเพื่อธุรกิจ ควรดูอะไรบ้าง
- ทิศทางของอาคารที่ต้องการจะติดตั้งระบบหลังคาโซลาร์รูฟ (Solar Roof)
ทิศทางของอาคารที่เหมาะแก่การวางโครงสร้างงานหลังคาโซลาร์รูฟท็อป มากที่สุด คือทิศใต้ เนื่องจากพระอาทิตย์วิ่งอ้อมใต้ ทำให้อาการที่ตั้งอยู่ในทิศทางนี้ ได้รับแสงอาทิตย์ได้ดีที่สุด ในขณะที่ทิศตะวันตก เป็นทิศที่รับแสงได้ดีรองลงมา และ ทิศเหนือ เป็นทิศที่ควรหลีกเลี่ยงในการติดตั้งงานหลังคา Solar มากที่สุด
อีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญ คือ เงาบังที่พาดผ่านหลังคา เช่น เงาจากต้นไม้ใหญ่ หรือ ตึกสูง เงาเหล่านี้จะส่งผลต่อความเข้มแสงที่แผง solar ได้รับ และเป็นผลให้ประสิทธิภาพการผลิตไฟไม่ดีเท่าที่ควร ดังนั้นการเลือกบริเวณที่จะติดตั้งงานหลังคา Solar Rooftop ที่ดีที่สุด คือ ทิศใต้ และไม่มีเงาบัง
- ประเภทหลังคาและโครงสร้างหลังคา
ควรให้วิศวกรผู้เชี่ยวชาญทางด้านงานหลังคาเป็นผู้ตรวจสอบและวิเคราะห์ว่าประเภทหลังคาและโครงหลังคา หรือ ดาดฟ้าของบริเวณที่ต้องการติดตั้งระบบงานหลังคาโซลาร์ รูฟท็อป (Solar Rooftop) มีความแข็งแรงเพียงพอหรือ ไม่ ซึ่งต้องวิเคราะห์จากแบบหลังคาเดิมของอาคารที่มีอยู่ และ การตรวจสอบสภาพหน้างานจริง ทั้งประเภทของหลังคา ระยะช่วงห่างของเสา ระยะแปและขนาดของแป เพื่อนำมาคำนวณความแข็งแรงของโครงสร้าง ซึ่งโดยปกติแล้ว แผงโซลาร์ และชุดอุปกรณ์ยึด จะมีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 20 กิโลกรัมต่อตารางเมตร
- รายละเอียดการใช้ไฟฟ้า หรือ พฤติกรรมการใช้ไฟฟ้า
แต่ละธุรกิจมักมีพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าที่แตกต่างกันตามประเภทกิจการต่างๆ โดยประเภทของอุปกรณ์การใช้ไฟฟ้า (กินไฟมากน้อยไม่เท่ากัน) และ ช่วงเวลาที่ใช้ไฟฟ้าในแต่ละวัน โดยข้อมูลเบื้องต้นที่ควรนำมาใช้พิจารณาก่อนการติดตั้งโซลาร์รูฟ บนหลังคา ได้แก่
– ค่าไฟย้อนหลัง 12 เดือน เพื่อดู Trend การใช้ไฟในแต่ละช่วงของปี หากดูจำนวนเดือนที่น้อยเกินไป เดือนนั้นๆ อาจไม่สะท้อนการใช้ไฟฟ้าจริงของกิจการนั้นๆ และในบางกิจการอาจะมีการใช้ไฟ ในช่วงแต่ละ ฤดูไม่เท่ากัน เช่น โรงเรียน มีการใช้ไฟน้อยในช่วงโรงเรียนปิดเทอม
– Load Profile หรือ ข้อมูลการไฟฟ้าตามช่วงเวลาทั้งรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือนและรายปี โดยปกติระบบ Solar จะผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 4 ชั่วโมง โดยขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในวันนั้นๆ โดยมีลักษณะการผลิตไฟในรูปแบบระฆังคว่ำ ดังนั้น Load Profile จึงสำคัญมากในการคำนวณระบบที่จะติดตั้งไม่ให้เกิน Load Profile และโดยส่วนใหญ่จะคำนวณให้การใช้งานระบบอยู่ที่ 80% นอกเหนือจากการนำ Load Profile มาคำนวณกำลังการผลิตของ Solar ที่ควรจะติดตั้งแล้ว ยังนำข้อมูลมาปรับพฤติกรรมการใช้ไฟเบื้องต้นก่อนการคำนวณกำลังไฟที่ควรติดตั้ง เช่น การแบ่งการเปิดเครื่องปรับอากาศ โดยเว้นอย่างน้อย 15 นาที เพื่อลด Peak Load หรือ การใช้ Energy Solutions มาช่วยลดค่าไฟเบื้องต้น เช่น การติดฟิล์มกระจก เพื่อลดความร้อนเข้าสู่ตัวอาคาร หรือการเปลี่ยนหลอดไฟเป็น LED เพื่อประหยัดไฟมากขึ้น
การลงทุนติดตั้งระบบ โซลาร์โรงงาน เพื่อธุรกิจ เป็นการลงทุนที่มูลค่าสูง จึงควรให้ความสำคัญกับการปัจจัยต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่งในทุกๆ ธุรกิจ โรงงาน โชว์รูม หรือแม้แต่ร้านอาหาร โฮมออฟฟิศ ก็สามารถติดตั้งโซลาร์ รูฟท็อปบนหลังคาได้เช่นกัน เพื่อช่วยลดค่าไฟได้เช่นเดียวกัน ทั้งนี้เพื่อให้การดำเนินธุรกิจลดต้นทุนได้อย่างยั่งยืน
04 January 2024
สร้างบ้านอย่างไรให้ฝุ่นน้อย?ปัญหาฝุ่นภายในบ้านเป็นปัญหาที่ส่งผลต่อสุขภาพและคุณภาพการอยู่อาศัยของคุณและสมาชิกในครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพการณ์ปัจจุบันที่ปัญหาฝุ่นละอองทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงปลายปีที่มักมีปริมาณฝุ่น PM2.5 สูงกว่าทุกช่วงของปี นอกจากฝุ่นจะส่งผลเสียต่อสุขภาพแล้วยังทำให้บ้านสกปรกดูไม่น่าอยู่ ฝุ่นสามารถแยกออกเป็น 2 กลุ่มคือ
- ฝุ่นที่เกิดจากการอยู่อาศัย เช่น ฝุ่นจากเซลล์ผิวหนัง แป้ง/เครื่องสำอาง เสื้อผ้า/ม่าน/พรม
- ฝุ่นจากภายนอกบ้าน โดยส่วนใหญ่ฝุ่นจะเข้าทางประตูหน้าต่างที่แม้จะปิดไว้แต่ฝุ่นก็ลอดเข้ามาตามร่องต่างๆ ได้ ฝุ่นอาจจะติดตามตัว เสื้อผ้า และรองเท้า
การป้องกันฝุ่นหรือการลดปัญหาฝุ่นสะสมภายในบ้านสามารถทำได้ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบบ้าน การเลือกใช้วัสดุ การเลือกเฟอร์นิเจอร์ และการจัดการพื้นที่รอบบ้าน ซึ่งมีแนวทางดังนี้
- เลือกใช้ระบบประตูหน้าต่างที่ช่วยป้องกันฝุ่น และมลภาวะจากภายนอกช่องเปิดต่างๆรอบบ้านไม่ว่าจะประตู หน้าต่าง รวมถึงช่องระบายอากาศ ควรพิจารณารูปแบบการติดตั้งที่ปิดมิดชิด ไม่มีรอยต่อ หรือเกิดช่องว่างขึ้นในอนาคตได้ง่าย และวัสดุที่มีคุณภาพสูง ไม่ชำรุดหรือเสียหายได้ง่าย เพื่อป้องกันฝุ่น PM2.5 กลิ่น และมลภาวะต่างๆจากภายนอก
- การเลือกใช้วัสดุปูพื้นและกรุผนังการเลือกใช้วัสดุปูพื้นและกรุผนัง ควรเลือกใช้วัสดุที่ไม่เก็บฝุ่นและทำความสะอาดได้ง่าย เช่น วัสดุผิวเรียบหรือผิวมัน ควรหลีกเลี่ยงวัสดุประเภทผ้า พรม ขนสัตว์ กำมะหยี่ และวัสดุผิวหยาบ เช่น หินที่มีผิวหยาบ อิฐโชว์แนว ซึ่งฝุ่นสามารถเกาะตามร่องต่างๆ ได้
- การเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์หรือการทำเฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน (Built-in)การเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์หรือการทำเฟอร์นิเจอร์บิวท์อิน (Built-in) ควรหลีกเลี่ยงการมีระนาบแนวนอนที่ทำความสะอาดได้ยาก เช่น ด้านบนของตู้หรือชั้นวางของที่เอื้อมไม่ถึง รวมถึงช่องว่างข้างหลังตู้ เนื่องจากระนาบ-ช่องว่างเหล่านี้จะเก็บฝุ่นได้มาก วิธีการแก้ไขอาจจะออกแบบให้ตู้สูงชนถึงฝ้าเพดานและหลังตู้ติดผนังห้องไปเลย สำหรับโต๊ะหรือตู้เตี้ย ที่ไม่ค่อยได้ใช้งานควรหาผ้ามาคลุมหรือวางของให้น้อยที่สุดเพื่อไม่ให้ฝุ่นเกาะ นอกจากนี้ ที่เก็บของต่างๆ เช่น ตู้หนังสือ ชั้นวางของ และตู้เสื้อผ้า ควรเลือกชนิดที่มีบานประตูปิด เพื่อลดฝุ่นที่จะไปสะสมตามสิ่งของต่างๆ
- ปลูกต้นไม้ให้ช่วยกรองฝุ่นที่มากับลมหากบ้านมีพื้นที่ภายนอกเพียงพอ ควรปลูกต้นไม้ให้ช่วยกรองฝุ่นที่มากับลมแทนที่จะให้ลมพัดเข้าสู่บ้านโดยตรง ต้นไม้ที่มีประสิทธิภาพในการดักจับฝุ่นที่ดีมักจะเป็นต้นที่มีใบหนาแน่นและใบละเอียด ซึ่งสามารถเลือกได้ทั้งประเภทไม้เลื้อย ไม้พุ่ม และไม้ยืนต้น แล้วแต่ขนาดและข้อจำกัดของพื้นที่ นอกจากนี้การปลูกหญ้าคลุมพื้นดินแทนการทำพื้นดาดแข็ง(Hardscape) เช่น การปูคอนกรีตหรืออิฐบล็อก ก็สามารถช่วยลดฝุ่นที่สะสมตามพื้นรอบบ้านได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม ไม่มีวิธีการใดที่สามาถป้องกันฝุ่นได้อย่าง 100% การหมั่นทำความสะอาดบ้าน การเปลี่ยนไส้กรองเครื่องปรับอากาศและเครื่องกรองอากาศ รวมถึงการจัดเก็บของไม่ให้บ้านรกยังคงเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้เกิดการสะสมของฝุ่นและลดปัญหาฝุ่นภายในบ้าน
04 January 2024
ก่อนที่คุณจะติดตั้งหลังคาโซล่าเซลล์บนบ้านหรือสถานที่อื่น ๆ มีข้อสำคัญที่ควรทราบและพิจารณาให้ดี เพื่อให้การติดตั้งเป็นไปได้สะดวกและปลอดภัยมากที่สุด ดังนี้
- ติดโซล่าเซลล์บนหลังคา ต้องให้ความสำคัญกับหลังคา
เนื่องจากหลังจากติดโซล่าเซลล์ บนหลังคาไปแล้ว โซล่าเซลล์ จะอยู่คู่บ้านเราไปอีกกว่าหลายสิบปี ดังนั้นหลังคาจึงเป็นสิ่งที่เจ้าของบ้านควรให้ความสำคัญ ควรเลือกติดตั้งกับบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านหลังคาด้วย สำหรับ เราจะทีมช่างเข้าไปตรวจสภาพความพร้อมของหลังคา หรือ Roof Health Check หากหลังคาอยู่ในสภาพที่ไม่พร้อมจะดำเนินการซ่อมแซม แก้ไขให้ก่อน
นอกจากนี้วิธีการติดตั้งต้องมั่นใจได้ว่าหลังคาจะไม่รั่วซึม จึงมั่นใจได้ว่าหลังคาจะไม่รั่วหลังติดตั้งอย่างแน่นอน
- ทิศทางการติดโซล่าเซลล์ ต้องผ่านการออกแบบมาอย่างเหมาะสม
พื้นที่หลังคาที่จะติดโซล่าเซลล์ รูฟ (Solar Roof) ต้องไม่โดนเงาบัง และอยู่ในทิศทางที่รับแดดได้ดี ไม่เช่นนั้นจะทำให้ โซล่าเซลล์ รูฟ ที่ติดตั้งไปไม่โดนแดดเพียงพอ พอหลังคาโซลาร์ไม่โดนแดดเต็มที่ การผลิตไฟในแต่ละวันก็จะน้อย ส่งผลให้การติด Solar Roof ไม่คุ้มค่าอีกเช่นเดียวกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต้องผ่านการออกแบบมาอย่างดีจากผู้เชี่ยวชาญ ไม่เช่นนั้นการติดโซล่าเซลล์ ก็จะไม่ได้ประสิทธิภาพ
- ต้องดำเนินการขออนุญาตกับภาครัฐ เพื่อการติดที่ถูกกฎหมาย
ก่อนการติดตั้งหลังคาโซล่าเซลล์ (Solar Rooftop) เจ้าของบ้านต้องดำเนินการการขออนุญาตจากภาครัฐถึง 3 หน่วยงาน คือ 1) เขต หรือ เทศบาล 2) MEA หรือ PEA 3) คณะกรรมการกองกำกับกิจการพลังงาน หากไม่ดำเนินการในส่วนนี้จะเป็นการติดตั้งที่ผิดกฎหมาย
04 January 2024
ในปัจจุบันพฤติกรรมการใช้ชีวิตในบ้านของเจ้าของบ้านเปลี่ยนไป เจ้าของบ้านหันมาสนใจปรับที่อยู่อาศัยให้มีความปลอดภัย มีสุขอนามัยมากยิ่งขึ้น เพื่อเอื้อต่อการเสริมสร้างสุขภาพที่ดี นอกจากนี้สิ่งที่เจ้าของบ้านให้ความสนใจมากไม่แพ้กันก็คือ “การประหยัดพลังงาน” สืบเนื่องจากปัจจุบันค่าไฟมีอัตราที่สูงขึ้น ส่งผลให้ค่าไฟแพง ปัญหานี้เป็นสิ่งที่เจ้าของบ้านกังวลใจ จึงมองหาโซลูชั่นที่จะมาแก้ไขปัญหา เพื่อตอบโจทย์การอยู่อาศัยที่ดีและสบายใจในทุกการใช้ชีวิตในบ้าน
Lifestyle การใช้ชีวิตในบ้าน
หากเรานึกภาพถึงการใช้ชีวิตในบ้านของครอบครัวหนึ่ง แต่ละคนมี Lifestyle ที่แตกต่างกันออกไป พ่ออาจจะชื่นชอบในเทคโนโลยีใช้รถ EV Car ซึ่งจำเป็นต้องชาร์จรถไฟฟ้าที่บ้าน แม่ชื่นชอบการทำอาหาร มีการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าไม่ว่าจะเป็นตู้เย็น, เตาอบขนม หรือสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนใช้พลังงานไฟฟ้า ลูกต้องเรียน online พ่อต้องทำงานแบบ Work from home เปิดแอร์ใช้ไฟกลางวันตลอดทั้งวัน รวมไปถึงตอนกลางคืนทุกบ้านล้วนมีการใช้ไฟฟ้าเพื่อตอบโจทย์ความสุข และความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต
จะเห็นได้ว่าในทุกกิจกรรมการใช้ชีวิตในบ้านตลอดทั้งกลางวัน และกลางคืนล้วนต้องอาศัยพลังงานไฟฟ้า เพื่อตอบโจทย์ความสุข และความสะดวกสบายในทุกๆ กิจกรรม แต่จะทำอย่างไรเมื่ออัตราค่าไฟแพงขึ้นทุกวัน จะมีโซลูชั่นการแก้ปัญหาอย่างไรเมื่อค่าไฟแพงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
จะทำอย่างไรเมื่อค่าไฟแพง?
ปัจจุบันเทรนด์การใช้พลังงานสะอาด หรือการติดโซลาร์กำลังเป็นที่นิยม สาเหตุเพราะปัจจุบันต้นทุนการติดโซล่าเซลล์ที่บ้านสามารถเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น ราคาจับต้องได้ และประสิทธิภาพการผลิตไฟดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก จุดคุ้มทุนจะอยู่ที่ประมาณ 7-10 ปี (ขึ้นอยู่กับปริมาณการใช้ไฟ และแพคเกจที่ติดตั้ง) ในขณะที่การรับประกันของบริษัทผู้ติดตั้งยาวนานกว่า 20 ปีขึ้นไป เรียกได้ว่า หลังจากเลยจุดคุ้มทุนมาแล้วเป็นกำไร ที่ของเจ้าของบ้านสามารถใช้ไฟได้ฟรีๆ นับเป็นพลังงานสะอาดที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัย และช่วยลดค่าไฟได้ในระยะยาว
สำหรับการติดโซล่าเซลล์ที่บ้าน การติดบริเวณหลังคานับว่าเป็นจุดที่เหมาะสมที่สุด รับแดดได้ดีที่สุด แต่การเลือกติดหลังคาโซล่าเซลล์ หรือ Solar Rooftop จำเป็นต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญในการให้บริการ เพราะมีหลายปัจจัยที่ต้องให้ความสำคัญ เพื่อการ Solar Rooftop จะให้พลังงานไฟฟ้าได้อย่างคุ้มค่าที่สุด และไม่เกิดปัญหาตามมาในอนาคต
04 January 2024
เคล็ดลับการปรับเปลี่ยนบ้านร้อนให้กลายเป็นบ้านเย็น ยิ่งขึ้น ผ่านการเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่เหมาะสม และสร้างกระบวนการหมุนเวียนอากาศภายในบ้าน เพื่อให้บ้านพร้อมรับมือกับสภาพอุณหภูมิเมืองไทยที่ทวีความร้อนขึ้นทุกปี วัสดุก่อสร้างเปรียบเสมือนปราการด่านแรกก่อนที่ความร้อนจะเข้าสู่ตัวบ้าน เพราะฉะนั้นเคล็ดลับอันดับแรก คือ การเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่ถูกต้องและเหมาะสมกับอากาศในประเทศไทย ซึ่งถือได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากของการลดอุณหภูมิและทำให้บ้านเย็นลง
โดยสิ่งแรกที่เป็นเกราะชั้นบนสุดของบ้าน คือ หลังคา ซึ่งเมื่อก่อนกระเบื้องหลังคาที่สามารถสะท้อนความร้อนได้ดีจะต้องเป็นกระเบื้องหลังคาสีอ่อนเท่านั้น แต่ในปัจจุบันเจ้าของบ้านที่ชื่นชอบหลังคาเฉดสีเข้ม ก็มีนวัตกรรม กะเบื้องหลังคาเฉดสีเข้ม ที่สามารถสะท้อนความร้อนได้ดี ทำให้บ้านเย็นลง ช่วยให้สามารถเลือกใช้กระเบื้องหลังคาสีเข้มได้โดยไม่ต้องกลัวบ้านร้อนอีกต่อไป เนื่องจากมีนวัตกรรมโมเลกุลเม็ดสีสูตรพิเศษที่ทำให้สามารถสะท้อนความร้อนได้ดีแม้จะเป็นกระเบื้องหลังคาสีเข้มก็ตาม
ลำดับถัดมาจะเป็น ฝ้าเพดาน ควรติดตั้ง ฉนวนกันความร้อน เพื่อให้เป็นเกราะชั้นที่สองที่จะเป็นตัวช่วยป้องกันความร้อนที่หลงเหลือลงมาจากกระเบื้องหลังคา นอกจากนี้ ผนัง ก็เป็นอีกส่วนที่สามารถป้องกันความร้อนได้ ทำให้บ้านเย็นเช่นกัน โดยอาจเป็นการซ่อนฉนวนกันความร้อนไว้ในผนัง รวมถึงการเลือกใช้ ไม้ฝาที่มีคุณสมบัติสะท้อนรังสีความร้อนและป้องกันความร้อนได้
เมื่อเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่เหมาะสมเพื่อป้องกันความร้อนจากภายนอกของบ้านแล้ว อันดับต่อมาเจ้าของบ้านควรใส่ใจถึง การเปิดเส้นทางหมุนเวียนอากาศภายในบ้าน เพื่อระบายความร้อน โดยปกติบ้านทุกหลังจะต้องมีหน้าต่างเป็นส่วนประกอบของบ้าน ซึ่งหน้าที่หลักของหน้าต่าง คือ การช่วยระบายอากาศเข้า-ออกเพื่อหมุนเวียนอากาศภายในบ้าน แต่เมื่อผู้อยู่อาศัยจำเป็นต้องปิดหน้าต่าง หรือ อยู่ในบ้านที่มีหน้าต่างน้อย อาจทำให้อากาศไม่สามารถหมุนเวียน จึงทำให้บ้านร้อนอบอ้าวและรู้สึกไม่สบายตัว
ฉะนั้นสิ่งแรกที่บ้านควรมี คือ ช่องสำหรับเปิดรับอากาศที่ดีเข้าบ้าน ที่จะช่วยนำอากาศใหม่ๆ เข้าสู่ตัวบ้านได้ตลอดเวลา โดยควรติดตั้งหน้าต่างหรือช่องในด้านทิศใต้ซึ่งจะเป็นทิศที่ลมพัดผ่านทำให้สามารถระบายอากาศได้เกือบตลอดทั้งปี หรือติดตั้งในทิศทางที่มีบริเวณที่ลมเย็นพัดผ่าน เช่น ด้านที่หันเข้าหาสวนบริเวณบ้าน ต้นไม้ หรือแหล่งน้ำ เพื่อให้ได้อากาศที่ดีและสดชื่นที่สุด หากเป็นไปได้ควรติดตั้งบริเวณที่สามารถเปิดไว้ตลอดได้ เพื่อที่เวลาผู้อยู่อาศัยไม่อยู่บ้านแล้วต้องปิดประตูหน้าต่างทั้งหมด หรือ บ้านที่มีประตูหน้าต่างน้อยก็จะทำให้อากาศภายในบ้านสามารถหมุนเวียนระบายความร้อนได้ดี ไม่ร้อนอบอ้าวจนเกินไป หากเป็นไปได้ควรติดตั้งบริเวณที่สามารถเปิดไว้ตลอดได้ เพื่อที่เวลาผู้อยู่อาศัยไม่อยู่บ้านแล้วต้องปิดประตูหน้าต่างทั้งหมด หรือ บ้านที่มีประตูหน้าต่างน้อยก็จะทำให้อากาศภายในบ้านสามารถหมุนเวียนระบายความร้อนได้ดี ไม่ร้อนอบอ้าวจนเกินไป
เมื่อนำอากาศใหม่ๆ เข้ามาในบ้านแล้ว การระบายความร้อนออกจากตัวบ้าน ก็เป็นสิ่งต่อมาที่สำคัญไม่แพ้กัน เพราะโดยธรรมชาติของอากาศร้อนจะลอยขึ้นสู่ที่สูง ฉะนั้นเมื่อเติมอากาศเย็นเข้ามาในบ้านผ่านทางหน้าต่างหรือช่องลม อากาศร้อนภายในบ้านจะถูกผลักดันให้ลอยไปยังบริเวณฝ้าเพดาน และจะแทรกตัวเข้าตามรอยต่อของฝ้าออกไปยังโถงหลังคา แล้วค่อยๆ ออกไปจากบ้านตามช่อง หรือฝ้าชายคา เพราะฉะนั้นหากติดตั้งช่องระบายอากาศบริเวณฝ้าและหลังคา ก็จะช่วยเร่งกลไกในการระบายความร้อนได้ดีและรวดเร็วกว่า
เมื่อใช้ทั้งสององค์ประกอบร่วมกันจะทำให้บ้านสามารถหมุนเวียนอากาศได้ตลอดเวลา แม้จะปิดบ้านไว้ทั้งวันตัวบ้านจึงไม่ร้อนอบอ้าวหรืออับชื้น ผู้อยู่อาศัยจะรู้สึกปลอดโปร่ง ไม่เพียงเท่านั้นยังช่วยเพิ่มอากาศใหม่ที่บริสุทธิ์สดชื่น ลดกลิ่นเหม็นอับไม่พึงประสงค์ ลดเชื้อโรค และช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอาการภูมิแพ้ที่เกิดจากไรฝุ่นได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตามนอกจากให้ความสำคัญกับการปรับลดความร้อนภายในบ้านให้กลายเป็นบ้านเย็นแล้ว เราควรใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ช่วยลดโลกร้อนด้วยการปรับแต่งบ้านให้เป็นบ้านประหยัดพลังงาน โดยการเลือกใช้พลังงานสะอาดจาก โซล่าเซลล์ หรือ แผงผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์(Solar Panel) ช่วยกันเพิ่มพื้นที่สีเขียวบริเวณรอบๆ บ้านด้วยการปลูกต้นไม้ เพื่อบ้านของเราจะได้น่าอยู่และร่มเย็นอย่างยั่งยืน และประหยัดไฟ”
03 January 2024
บทความjedimaster2024-06-17T14:08:21+07:00