จะก่อสร้างทั้งทีเลือกใครดี? หากพูดถึงคนที่ทำหน้าที่ในการควบคุม และ ดำเนินการก่อสร้างให้บ้าน หรือ อาคารเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา ก็คงหนีไม่พ้นผู้รับเหมาเป็นแน่ ซึ่งผู้รับเหมาถือว่ามีบทบาทอย่างมากในการก่อสร้าง แต่ถึงแม้ว่าเราจะเรียกผู้ที่ดำเนินการควบคุมการก่อสร้างว่าผู้รับเหมาก็ตาม แต่จริงๆ แล้วผู้รับเหมาเองก็มีอยู่หลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทก็จะมีรูปแบบการทำงานที่แตกต่างกัน ทั้งการรับเหมาก่อสร้างที่เป็นรูปแบบบริษัท รับเหมาก่อสร้าง และ ผู้รับเหมารายย่อย ซึ่งหลายคนอาจจะเข้าใจผิดได้ว่า ทั้งสองประเภทนี้คือแบบเดียวกัน เพราะถึงแม้ว่าทั้งสองประเภทจะมีความใกล้เคียงกันก็ตาม แต่ก็ไม่เหมือนกันซะทีเดียว

บริษัทรับเหมาก่อสร้าง (Construction Company) เป็นธุรกิจที่มีหน้าที่ดำเนินกิจการในการสร้างสรรค์โครงการก่อสร้างต่าง ๆ ตามความต้องการของลูกค้า นอกจากนี้ยังมีบทบาทหลายประการที่ต้องปฏิบัติ

  1. ประสานงานกับลูกค้า:
    • สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับความต้องการของลูกค้าและวางแผนการดำเนินงานตามนั้น.
    • ให้คำปรึกษาและช่วยเสริมสร้างไอเดียในการดำเนินโครงการ.
  2. การจัดทำงบประมาณ:
    • ประเมินค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับโครงการ.
    • จัดทำงบประมาณที่เป็นไปตามความต้องการและความเหมาะสม.
  3. จัดหาวัสดุและอุปกรณ์:
    • จัดหาและจัดการวัสดุ อุปกรณ์ และทรัพยากรที่จำเป็นต้องใช้ในโครงการ.
    • ควบคุมการจัดซื้อสินค้าและทำสัญญากับผู้จัดหา.
  4. การจัดการแรงงาน:
    • จัดการแรงงานในโครงการ รวมถึงการประสานงานและการควบคุมการทำงาน.
    • สร้างทีมงานที่มีความสามารถและมีความเชี่ยวชาญ.
  5. ควบคุมคุณภาพ:
    • ตรวจสอบและควบคุมคุณภาพของงานที่ดำเนินการ.
    • ใช้มาตรฐานและวิธีการทางวิศวกรรมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีคุณภาพ.
  6. ตรวจสอบความปลอดภัย:
    • ให้ความสำคัญในด้านความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน.
    • จัดทำและปรับปรุงมาตรฐานความปลอดภัยในการดำเนินงาน.
  7. บริหารการเงิน:
    • จัดการระบบบัญชีและการเงินของโครงการ.
    • ควบคุมการใช้จ่ายและรายได้.
  8. สื่อสารและรายงาน:
    • ควบคุมการสื่อสารในโครงการ รวมถึงการติดต่อกับลูกค้าและผู้ที่เกี่ยวข้อง.
    • รายงานความคืบหน้าและปัญหาที่เกิดขึ้น.
  9. การดูแลซ่อมบำรุง:
    • จัดทำแผนดูแลรักษาหลังจากการก่อสร้างเสร็จ.
    • ดำเนินการซ่อมแซมและบำรุงรักษาตามความเหมาะสม.

ผู้รับเหมารายย่อย (Subcontractor) คือบุคคลหรือบริษัทที่ได้รับสัญญาจากผู้รับเหมาหลักหรือบริษัทรับเหมาหลักในโครงการก่อสร้างเพื่อดำเนินการทำงานบางประการหรืองานที่เป็นลักษณะเฉพาะ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นงานที่ไม่ได้ทำโดยตรงโดยผู้รับเหมาหลัก หรืออาจจะเป็นงานที่ต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะที่ผู้รับเหมาหลักไม่มี

  1. ความเชี่ยวชาญทางเฉพาะ:
    • บางครั้ง, งานบางประการในโครงการก่อสร้างอาจต้องการความเชี่ยวชาญทางเฉพาะที่ผู้รับเหมาหลักไม่มี.
    • ผู้รับเหมารายย่อยมักมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในงานที่เฉพาะเจาะจง.
  2. ลดความซับซ้อนในการจัดการ:
    • การจ้างผู้รับเหมารายย่อยในงานที่เฉพาะเจาะจงช่วยลดความซับซ้อนในการจัดการโครงการสำหรับผู้รับเหมาหลัก.
    • ช่วยในการทำงานได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ.
  3. การจัดหาทรัพยากร:
    • ช่วยในการจัดหาทรัพยากรที่จำเป็นสำหรับงานที่ต้องการความเชี่ยวชาญทางเฉพาะ.
    • ลดความซับซ้อนในการจัดการซื้อวัสดุและทรัพยากร.
  4. ควบคุมต้นทุน:
    • การใช้ผู้รับเหมารายย่อยในงานที่เฉพาะเจาะจงช่วยในการควบคุมต้นทุนของโครงการ.
    • มีการคาดการณ์ทรัพยากรและค่าแรงงานที่มีความแม่นยำ.
  5. สามารถทำงานพร้อมกัน:
    • ช่วยให้โครงการดำเนินไปได้เร็วขึ้นเนื่องจากการทำงานสามารถทำพร้อมกันได้.
    • เพิ่มความเร็วในการดำเนินงาน.
  6. การดูแลซ่อมบำรุง:
    • ผู้รับเหมารายย่อยมักมีความรับผิดชอบในการดูแลซ่อมบำรุงหลังจากการก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์.

การเลือกบริษัทรับเหมาก่อสร้างหรือผู้รับเหมาขึ้นอยู่กับตัวคุณมีความสำคัญมากที่จะทำความเข้าใจความต้องการและลักษณะของโครงการที่คุณกำลังดำเนินการ และหากเลือกได้อย่างถูกต้อง ทั้งบริษัทรับเหมาก่อสร้างและผู้รับเหมามีทั้งความสามารถและประสบการณ์ในการทำให้โครงการสำเร็จ.

แชร์บทความนี้